ป้ายกำกับ:

ดื่มนมยังไงในช่วงลดน้ำหนัก


ตอนนี้กำลังลดน้ำหนักโดยคุมอาหารและออกกำลัง แต่อยากดื่มนมไขมันต่ำด้วย จะดื่มช่วงไหนคะที่ทำให้ไม่อ้วน

"นม" แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีไขมันผสมอยู่ไม่น้อย ทำให้คุณสาว ๆ หลายคนไม่กล้าดื่มนมในช่วงที่กำลังลดน้ำหนัก
การดื่มนมถือว่าดีต่อสุขภาพค่ะ เพราะนมอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะแคลเซียมที่ช่วยในการบำรุงกระดูกซึ่งมีมากในนม ในผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก แนะนำให้ดื่มนมพร่องไขมัน หรือไขมันต่ำ 1 กล่อง หรือ 250 ซีซี ต่อหนึ่งวัน
ทั้งนี้ แนะนำให้เป็นหลังอาหารเช้า เพื่อร่างกายจะได้นำคุณค่าทางอาหารหรือพลังงานไปใช้ได้เลย ไม่เหลือสะสมไว้เป็นส่วนเกินในร่างกาย เพราะถ้ารับประทานหลังอาหารเย็น หรือก่อนนอน ส่วนใหญ่แล้วจะใช้พลังงานที่ได้รับไปไม่หมด ก็จะทำให้เหลือสะสมเป็นส่วนเกินของร่างกาย แทนที่จะลดน้ำหนักก็กลายเป็นเพิ่มน้ำหนักและอย่าลืมรับแสงแดดยามเช้าด้วยนะคะ เพราะแสงแดดจะมีวิตามินดีเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี ทำให้ได้รับประโยชน์จากการดื่มนมเต็มที่ค่ะ

ที่มา : Teenee.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ,

โบกมือลาปัญหากลิ่นตัว

ถ้าสาวๆ มีกลิ่นตัวคงดูไม่ดีแน่..มาดูหลากวิธีหยุดกลิ่นไม่พึงประสงค์




ปัญหา "กลิ่นตัว" เกิดจากการที่เรามีเหงื่อออกมาก โดยร่างกายเราจะมี 2 ส่วนที่เหงื่อออกมาก นั่นคือ บริเวณฝ่ามือ-ฝ่าเท้า ซึ่งลักษณะเหงื่อเป็นน้ำใสๆ มีกลิ่นเล็กน้อย และบริเวณข้อพับ รักแร้ หรือขาหนีบ ซึ่งเป็นเหงื่อที่มีกลิ่นเหม็นกว่า มีความหนืดกว่า ซึ่งกลิ่นเหม็นนั้นเป็นเพราะความอับชื้นและมีการหมักหมมร่วมกับแบคทีเรียเหงื่อที่ออกมากผิดปกติจนเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์จำแนกได้เป็น 3 ประเภท1. เกิดจากพันธุกรรม2. เกิดจากโรคบางอย่าง เช่น ไทรอยด์ วัณโรค คอหอยพอก โรคหัวใจ โรคทางสมอง หรือแม้กระทั่งอยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน และ
3. ไม่สามารถหาสาเหตุได้ นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมอย่างสภาพอากาศร้อนก็เป็นตัวเร่งให้เหงื่อออกมาก โดยจะไปกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของต่อมเหงื่อ

หลากวิธีหยุดกลิ่นไม่พึงประสงค์

1. เริ่มจากการดูแลรักษาความสะอาดและอาบน้ำ ซึ่งอาจใช้สบู่ฟอกตามบริเวณที่มีการหมักหมมของเหงื่อเพื่อลดแบคทีเรียที่ก่อ ให้เกิดกลิ่นได้

2. การใช้น้ำยาดับกลิ่นแบบดีโอดูแรนท์ (deodorant) ซึ่งช่วยลดกลิ่นแต่ไม่ช่วยลดเหงื่อ ซึ่งการใช้ยาทาประเภทนี้ต้องระวังเพราะในบางคนอาจเกิดอาการแพ้และทำให้เกิด ผื่นดำได้ อย่างไรก็ดีไม่แนะนำการใช้โรลออนที่เราส่วนใหญ่คุ้นเคย เนื่องจากอาจเกิดอาการแพ้แล้วทำให้เกิดอาการดำได้ หากปัญหากลิ่นตัวที่มีสาเหตุจากเหงื่อออกมากก็ควรหาวิธีรักษาเพื่อระงับ เหงื่อดีกว่า

3. การใช้ยาระงับเหงื่อหรือแอนตีเพอร์สไปแรนท์ (antiperspirant) ซึ่งจะทำปฏิกิริยาให้เกิดการอุดตันในท่อเหงื่อและลดการไหลของเหงื่อได้ แต่ไม่ควรใช้ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบและทำให้รักแร้ ดำจากผื่นได้ โดยประเภทที่มีขายตามท้องตลาดนั้นมักผสมน้ำหอม ทางที่ดีจึงควรไปพบแพทย์เพื่อสั่งยาที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมคลอไรด์ 20% สำหรับทาระงับเหงื่อได้

4. การทำไอออนโตที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า โดยแช่น้ำแล้วใช้กระแสไฟฟ้าผลักเพื่อให้เหงื่อออกน้อยลง

5. ฉีดโบทอกซ์ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วว่า สามารถรักษาอาการเหงื่อออกมากได้ โดยวิธีนี้จะไปยับยั้งสารที่หลั่งออกมาควบคุมระบบประสาทที่ทำให้เกิดการ หลั่งของเหงื่อ มีผลข้างเคียงน้อย ลดเหงื่อได้ 83% และหลังรับการรักษาแล้วจะแก้ปัญหาเหงื่อออกมากได้นาน 6-8 เดือน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกต่อผู้ที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ

6. ผ่าตัดเอาต่อมเหงื่อหรือเส้นประสาทที่ควบคุมต่อมเหงื่อ ซึ่งได้ผลดีแต่อาจทำให้เกิดแผลได้

7. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่น เช่น กระเทียม ทุเรียน ชะอม สะตอ เป็นต้น


หากไม่มั่นใจว่า กลิ่นตัวของเรานั้นเป็นปัญหาสำหรับผู้อื่นหรือไม่ ลองสอบถามคนรอบข้างที่ไว้ใจได้ หรือหากเป็นผู้ที่เหงื่อออกมาก และกลิ่นตัวแรง จนยาระงับกลิ่นใดๆ ก็ไม่สามารถหยุดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ลองปรึกษาคุณหมอดูเพื่อหาสาเหตุให้พบและเข้าไปแก้ไขที่สาเหตุโดยตรง



ที่มา : Teenee.c0m

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ช่วยด้วย! ฉันอ้วนเพราะผลไม้

เวลาที่คุณผู้หญิงทั้งหลาย อยากจะผอมเพรียว นอกจากการอดอาหารแล้วหันมาบริโภคแต่ผลไม้ นับเป็นวิธีแสนเบสิกที่ตั้งแต่ดาราฮอลลีวู้ดไปจนถึงพนักงานออฟฟิศใช้กันมาช้านาน แต่ใครจะรู้ละว่า ผลไม้ ที่ทั้งอร่อยและได้ประโยชน์แบบนี้มันจะทำให้เราน้ำหนักพุ่งปรี๊ดเกินจะรับได้ สำหรับโปรแกรมลดน้ำหนักที่คุณ ๆ ทั้งหลายเลือกทานผลไม้แทนอาหาร ใช่ว่าจะได้ผล 100% เพราะผลไม้บางชนิดนอกจากจะไม่ช่วยให้อิ่มท้องแล้วยังสามารถทำให้น้ำหนักตัวของเรามากขึ้น เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุที่ว่า ทำไมทานผลไม้แล้วอ้วน ซึ่งจะมีผลไม้ชนิดใดบ้าง ห้ามละสายตา!


อ้วนได้อย่างไร?

การที่เราเลือกรับประทานผลไม้จืดหรือเปรี้ยวแทนอาหาร 1 มื้อ เช่น กล้วย ฝรั่ง แอปเปิล แก้วมังกร หรือสับปะรด นับเป็นวิธีการที่ผิดอย่างร้ายแรง เพราะผลไม้บางชนิดนั้นทำให้อ้วนได้ เนื่องจากน้ำตาลในผลไม้นั้นค่อนข้างมาก โดยความหวานที่ว่านี้จะให้พลังงานแก่ร่างกาย ซึ่งถ้าหวานมากไป น้ำตาลก็จะเปลี่ยนพลังงานให้เป็นไขมันสะสมอยู่ในร่างกาย และนั่นจะก่อให้เกิดโรคอ้วนลงพุง

ทั้งนี้ เราสามารถเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างง่าย ๆ ได้โดยการรับประทานมะม่วงสุก 3 ลูก จะเทียบเท่ากับการให้พลังงานประมาณข้าวขาหมู 1 จาน หรือถ้าเปลี่ยนจากข้าวมาเป็นผลไม้อย่าง ฝรั่ง หรือมะม่วง ก็เท่ากับรับประทานแป้งเหมือนเดิม แต่มีน้ำตาลมากกว่า ยิ่งไม่รับประทานข้าวซึ่งเป็นโปรตีนและผักที่เป็นไฟเบอร์เลย ร่างกายก็จะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลในผลไม้เหล่านี้ให้เป็นไขมันสะสมอยู่ดี ดังนั้นก่อนจะลดน้ำหนักด้วยผลไม้จึงควรศึกษาให้ละเอียด

นอกจากนี้ การที่บางคนเลือกรับประทานน้ำผลไม้คั้นเอง แม้จะไม่ใส่น้ำตาลแต่แท้จริงแล้วก็มีน้ำตาลธรรมชาติจำนวนมาก ซึ่งถ้าดื่มแล้วไม่ออกกำลังเผาผลาญทิ้งไป ก็อาจทำให้อ้วนมากกว่าการดื่มนมจืดขาดมันเนยเสียอีก

ขณะเดียวกันผลจากการทดสอบปริมาณน้ำตาลในน้ำผลไม้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ 9.27 กรัม/100 มิลลิลิตร หรือประมาณ 2 ช้อนชากว่า ๆ ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่นักโภชนาการแนะนำให้รับประทานต่อวันคือไม่ควรเกิน 4 ช้อนชาสำหรับเด็ก และ 6 ช้อนชาสำหรับผู้ใหญ่ หากเราดื่มน้ำผัก-ผลไม้รวมพร้อมดื่ม 1 แก้ว หรือประมาณ 200 มิลลิลิตร เราจะได้น้ำตาลประมาณ 4 ช้อนชา ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อรวมกับอาหารทั้งวันที่รับประทาน และนั่นทำให้คุณรับน้ำตาลเกินความจำเป็น จึงถือเป็นผลเสียต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม การรับประทานผลไม้เพื่อรักษาหุ่นสวยก็ยังมีประโยชน์กว่าการอดอาหาร หรือเลือกทางเดินของยาลดน้ำหนัก เพราะการรับประทานผลไม้จะทำให้เราได้รับไฟเบอร์และวิตามินซีในปริมาณพอเหมาะกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ

ผลไม้ที่ควรห่าง!

สำหรับผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลมากก็สังเกตได้ไม่ยาก พวกสีเหลือง ๆ รสหวานจัด ๆ ขอให้ห่างตัวไว้เลยจะดีที่สุด หากคุณยังอยากมีหุ่นสุดเซี๊ยะอยู่ อย่างเช่น ทุเรียน กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม ขนุน มะม่วงสุก เงาะ ลำไย ลองกอง ลางสาด ละมุด

ที่มา : 
Pnniry

0 ความคิดเห็น
 
Health 4 Women © 2012 | Designed by Canvas Art, in collaboration with Business Listings , Radio stations and Corporate Office Headquarters