ป้ายกำกับ:

ดื่มนมยังไงในช่วงลดน้ำหนัก


ตอนนี้กำลังลดน้ำหนักโดยคุมอาหารและออกกำลัง แต่อยากดื่มนมไขมันต่ำด้วย จะดื่มช่วงไหนคะที่ทำให้ไม่อ้วน

"นม" แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีไขมันผสมอยู่ไม่น้อย ทำให้คุณสาว ๆ หลายคนไม่กล้าดื่มนมในช่วงที่กำลังลดน้ำหนัก
การดื่มนมถือว่าดีต่อสุขภาพค่ะ เพราะนมอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะแคลเซียมที่ช่วยในการบำรุงกระดูกซึ่งมีมากในนม ในผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก แนะนำให้ดื่มนมพร่องไขมัน หรือไขมันต่ำ 1 กล่อง หรือ 250 ซีซี ต่อหนึ่งวัน
ทั้งนี้ แนะนำให้เป็นหลังอาหารเช้า เพื่อร่างกายจะได้นำคุณค่าทางอาหารหรือพลังงานไปใช้ได้เลย ไม่เหลือสะสมไว้เป็นส่วนเกินในร่างกาย เพราะถ้ารับประทานหลังอาหารเย็น หรือก่อนนอน ส่วนใหญ่แล้วจะใช้พลังงานที่ได้รับไปไม่หมด ก็จะทำให้เหลือสะสมเป็นส่วนเกินของร่างกาย แทนที่จะลดน้ำหนักก็กลายเป็นเพิ่มน้ำหนักและอย่าลืมรับแสงแดดยามเช้าด้วยนะคะ เพราะแสงแดดจะมีวิตามินดีเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี ทำให้ได้รับประโยชน์จากการดื่มนมเต็มที่ค่ะ

ที่มา : Teenee.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ,

โบกมือลาปัญหากลิ่นตัว

ถ้าสาวๆ มีกลิ่นตัวคงดูไม่ดีแน่..มาดูหลากวิธีหยุดกลิ่นไม่พึงประสงค์




ปัญหา "กลิ่นตัว" เกิดจากการที่เรามีเหงื่อออกมาก โดยร่างกายเราจะมี 2 ส่วนที่เหงื่อออกมาก นั่นคือ บริเวณฝ่ามือ-ฝ่าเท้า ซึ่งลักษณะเหงื่อเป็นน้ำใสๆ มีกลิ่นเล็กน้อย และบริเวณข้อพับ รักแร้ หรือขาหนีบ ซึ่งเป็นเหงื่อที่มีกลิ่นเหม็นกว่า มีความหนืดกว่า ซึ่งกลิ่นเหม็นนั้นเป็นเพราะความอับชื้นและมีการหมักหมมร่วมกับแบคทีเรียเหงื่อที่ออกมากผิดปกติจนเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์จำแนกได้เป็น 3 ประเภท1. เกิดจากพันธุกรรม2. เกิดจากโรคบางอย่าง เช่น ไทรอยด์ วัณโรค คอหอยพอก โรคหัวใจ โรคทางสมอง หรือแม้กระทั่งอยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน และ
3. ไม่สามารถหาสาเหตุได้ นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมอย่างสภาพอากาศร้อนก็เป็นตัวเร่งให้เหงื่อออกมาก โดยจะไปกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของต่อมเหงื่อ

หลากวิธีหยุดกลิ่นไม่พึงประสงค์

1. เริ่มจากการดูแลรักษาความสะอาดและอาบน้ำ ซึ่งอาจใช้สบู่ฟอกตามบริเวณที่มีการหมักหมมของเหงื่อเพื่อลดแบคทีเรียที่ก่อ ให้เกิดกลิ่นได้

2. การใช้น้ำยาดับกลิ่นแบบดีโอดูแรนท์ (deodorant) ซึ่งช่วยลดกลิ่นแต่ไม่ช่วยลดเหงื่อ ซึ่งการใช้ยาทาประเภทนี้ต้องระวังเพราะในบางคนอาจเกิดอาการแพ้และทำให้เกิด ผื่นดำได้ อย่างไรก็ดีไม่แนะนำการใช้โรลออนที่เราส่วนใหญ่คุ้นเคย เนื่องจากอาจเกิดอาการแพ้แล้วทำให้เกิดอาการดำได้ หากปัญหากลิ่นตัวที่มีสาเหตุจากเหงื่อออกมากก็ควรหาวิธีรักษาเพื่อระงับ เหงื่อดีกว่า

3. การใช้ยาระงับเหงื่อหรือแอนตีเพอร์สไปแรนท์ (antiperspirant) ซึ่งจะทำปฏิกิริยาให้เกิดการอุดตันในท่อเหงื่อและลดการไหลของเหงื่อได้ แต่ไม่ควรใช้ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบและทำให้รักแร้ ดำจากผื่นได้ โดยประเภทที่มีขายตามท้องตลาดนั้นมักผสมน้ำหอม ทางที่ดีจึงควรไปพบแพทย์เพื่อสั่งยาที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมคลอไรด์ 20% สำหรับทาระงับเหงื่อได้

4. การทำไอออนโตที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า โดยแช่น้ำแล้วใช้กระแสไฟฟ้าผลักเพื่อให้เหงื่อออกน้อยลง

5. ฉีดโบทอกซ์ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วว่า สามารถรักษาอาการเหงื่อออกมากได้ โดยวิธีนี้จะไปยับยั้งสารที่หลั่งออกมาควบคุมระบบประสาทที่ทำให้เกิดการ หลั่งของเหงื่อ มีผลข้างเคียงน้อย ลดเหงื่อได้ 83% และหลังรับการรักษาแล้วจะแก้ปัญหาเหงื่อออกมากได้นาน 6-8 เดือน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกต่อผู้ที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ

6. ผ่าตัดเอาต่อมเหงื่อหรือเส้นประสาทที่ควบคุมต่อมเหงื่อ ซึ่งได้ผลดีแต่อาจทำให้เกิดแผลได้

7. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่น เช่น กระเทียม ทุเรียน ชะอม สะตอ เป็นต้น


หากไม่มั่นใจว่า กลิ่นตัวของเรานั้นเป็นปัญหาสำหรับผู้อื่นหรือไม่ ลองสอบถามคนรอบข้างที่ไว้ใจได้ หรือหากเป็นผู้ที่เหงื่อออกมาก และกลิ่นตัวแรง จนยาระงับกลิ่นใดๆ ก็ไม่สามารถหยุดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ลองปรึกษาคุณหมอดูเพื่อหาสาเหตุให้พบและเข้าไปแก้ไขที่สาเหตุโดยตรง



ที่มา : Teenee.c0m

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ช่วยด้วย! ฉันอ้วนเพราะผลไม้

เวลาที่คุณผู้หญิงทั้งหลาย อยากจะผอมเพรียว นอกจากการอดอาหารแล้วหันมาบริโภคแต่ผลไม้ นับเป็นวิธีแสนเบสิกที่ตั้งแต่ดาราฮอลลีวู้ดไปจนถึงพนักงานออฟฟิศใช้กันมาช้านาน แต่ใครจะรู้ละว่า ผลไม้ ที่ทั้งอร่อยและได้ประโยชน์แบบนี้มันจะทำให้เราน้ำหนักพุ่งปรี๊ดเกินจะรับได้ สำหรับโปรแกรมลดน้ำหนักที่คุณ ๆ ทั้งหลายเลือกทานผลไม้แทนอาหาร ใช่ว่าจะได้ผล 100% เพราะผลไม้บางชนิดนอกจากจะไม่ช่วยให้อิ่มท้องแล้วยังสามารถทำให้น้ำหนักตัวของเรามากขึ้น เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุที่ว่า ทำไมทานผลไม้แล้วอ้วน ซึ่งจะมีผลไม้ชนิดใดบ้าง ห้ามละสายตา!


อ้วนได้อย่างไร?

การที่เราเลือกรับประทานผลไม้จืดหรือเปรี้ยวแทนอาหาร 1 มื้อ เช่น กล้วย ฝรั่ง แอปเปิล แก้วมังกร หรือสับปะรด นับเป็นวิธีการที่ผิดอย่างร้ายแรง เพราะผลไม้บางชนิดนั้นทำให้อ้วนได้ เนื่องจากน้ำตาลในผลไม้นั้นค่อนข้างมาก โดยความหวานที่ว่านี้จะให้พลังงานแก่ร่างกาย ซึ่งถ้าหวานมากไป น้ำตาลก็จะเปลี่ยนพลังงานให้เป็นไขมันสะสมอยู่ในร่างกาย และนั่นจะก่อให้เกิดโรคอ้วนลงพุง

ทั้งนี้ เราสามารถเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างง่าย ๆ ได้โดยการรับประทานมะม่วงสุก 3 ลูก จะเทียบเท่ากับการให้พลังงานประมาณข้าวขาหมู 1 จาน หรือถ้าเปลี่ยนจากข้าวมาเป็นผลไม้อย่าง ฝรั่ง หรือมะม่วง ก็เท่ากับรับประทานแป้งเหมือนเดิม แต่มีน้ำตาลมากกว่า ยิ่งไม่รับประทานข้าวซึ่งเป็นโปรตีนและผักที่เป็นไฟเบอร์เลย ร่างกายก็จะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลในผลไม้เหล่านี้ให้เป็นไขมันสะสมอยู่ดี ดังนั้นก่อนจะลดน้ำหนักด้วยผลไม้จึงควรศึกษาให้ละเอียด

นอกจากนี้ การที่บางคนเลือกรับประทานน้ำผลไม้คั้นเอง แม้จะไม่ใส่น้ำตาลแต่แท้จริงแล้วก็มีน้ำตาลธรรมชาติจำนวนมาก ซึ่งถ้าดื่มแล้วไม่ออกกำลังเผาผลาญทิ้งไป ก็อาจทำให้อ้วนมากกว่าการดื่มนมจืดขาดมันเนยเสียอีก

ขณะเดียวกันผลจากการทดสอบปริมาณน้ำตาลในน้ำผลไม้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ 9.27 กรัม/100 มิลลิลิตร หรือประมาณ 2 ช้อนชากว่า ๆ ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่นักโภชนาการแนะนำให้รับประทานต่อวันคือไม่ควรเกิน 4 ช้อนชาสำหรับเด็ก และ 6 ช้อนชาสำหรับผู้ใหญ่ หากเราดื่มน้ำผัก-ผลไม้รวมพร้อมดื่ม 1 แก้ว หรือประมาณ 200 มิลลิลิตร เราจะได้น้ำตาลประมาณ 4 ช้อนชา ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อรวมกับอาหารทั้งวันที่รับประทาน และนั่นทำให้คุณรับน้ำตาลเกินความจำเป็น จึงถือเป็นผลเสียต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม การรับประทานผลไม้เพื่อรักษาหุ่นสวยก็ยังมีประโยชน์กว่าการอดอาหาร หรือเลือกทางเดินของยาลดน้ำหนัก เพราะการรับประทานผลไม้จะทำให้เราได้รับไฟเบอร์และวิตามินซีในปริมาณพอเหมาะกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ

ผลไม้ที่ควรห่าง!

สำหรับผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลมากก็สังเกตได้ไม่ยาก พวกสีเหลือง ๆ รสหวานจัด ๆ ขอให้ห่างตัวไว้เลยจะดีที่สุด หากคุณยังอยากมีหุ่นสุดเซี๊ยะอยู่ อย่างเช่น ทุเรียน กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม ขนุน มะม่วงสุก เงาะ ลำไย ลองกอง ลางสาด ละมุด

ที่มา : 
Pnniry

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ลดพุงแบบ ..ด่วนจี๋


ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดหน้าท้อง จนแทบจะใส่ยีนส์ตัวโปรดของคุณไม่ได้ นี่เป็นเทคนิคเล็ก ๆ ที่ช่วยคุณลดหน้าท้องแบบเร่งด่วน


1. ขยับเขยื้อนตัวให้บ่อยที่สุดอย่ามัวนั่งจุ้มปุ้กอยู่บนโซฟาหรือนอนแกร่วบนเตียง เพราะจะทำให้คุณอึดอัดมากขึ้น การขยับตัว เดินไปเดินมาในบ้านหรือเดินขึ้นลงบันได จะช่วยเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
2. ดื่มชาค่อย ๆ จิบชา ก็พอช่วยได้ เพราะในชา มีสารที่มีคุณสมบัติในการขับน้ำส่วนเกินออกมาจึงช่วยทำให้กระเพาะหดตัวลง
3. งดอาหารเค็มหรืออาหารที่มีเกลือเกลือทำให้หน้าท้องคุณป่องได้ เพราะความเค็มของเกลือจะเป็นตัวกักเก็บน้ำส่วนเกินไว้ จึง ทำให้รู้สึกอึดอัดแถวๆหน้าท้อง
4.ทานอาหารมื้อเล็ก ๆแบ่งอาหาร 1 มื้อ เป็น 2 มื้อ และเน้นอาหารแคลอรี่ต่ำ เช่น โยเกิร์ตพร่องไขมัน ผักสด หรือผลไม้ อาจทานทุก 2-3 ชั่วโมง แต่เป็นจานเล็ก ๆ แทน

ที่มา : Teenee.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

กลเม็ด ในการเข้าม่านรูด


กลเม็ดเข้าม่านรูด มีอะไรที่ต้องเรียนรู้ แต่อ่านแล้วไม่ต้องไปหาวิธีการ เพื่อลองทำตามก็ได้นะ เอาเป็นทฤษฎีก็พอ หากจำเป็นต้องใช้บริการ...


1. ม่านรูด มาจาก โมเต็ล คือ ส่วนใหญ่ในต่างประเทศ ใช้เป็นที่พักระหว่างทาง ขับรถเข้าจอดได้เลย เมืองไทยมีม่านรูด ก็ต้องขับรถเข้าไปจอด อย่าเดินเข้าไปนะ มันเหนื่อย โดยเฉพาะช่วงเทศกาล เต็ม!เหยียด...

2. เข้าม่านรูด ห้าม Lady first ต้อง Gentleman before คือ ผู้ชายอย่างเราต้องลงก่อน นี่แหละทีเด็ด วัดใจความแมน เพราะหากท่านชายรายไหน บอกคนนั่งข้างๆ ให้ลงไปก่อน ...ไม่แมน !

3. เคลียร์ทางให้จบ ท่านสุภาพบุรุษ ต้องเปิดทาง ให้ท่านสุภาพสตรี เดินเข้าห้องอย่างคล่องตัว ประตูต้องเปิดได้พร้อม ไม่ต้องรีบไปรอให้พนักงาน เงื้อง่าหน้าประตู

4. ไม่ต้องมาสวย เปิดไฟแต่งหน้าในรถ ตอนจอดหน้าห้อง สุภาพสตรีไม่ต้องเติมปาก ทาตาแล้ว สมรภูมิอยู่ข้างหน้า เตรียมรบเถิด ! เปิดไฟในรถ ใครๆเขาก็เห็นหน้าหมด

5. เข้าถึงห้อง ใจเย็นซักนิด ไม่ต้องรีบพิชิตศึก รอเคลียร์ทุกอย่างให้จบ เครื่องดื่ม ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ข้าวต้ม ส้มตำ เอาให้จบ เพื่อไม่ให้เสียจังหวะ ช่วงสับไกยิง

6. ถ้าควงคู่กับคนรู้ใจ ก็ว่ากันตามสคริปต์ แต่ถ้ามี something แมตซ์กระชับมิตร ต้องเตรียมอุปกรณ์การแพทย์ (condom) ให้พร้อม หากไม่มี ถามหาซื้อได้จากพนักงาน ย้ำ!ห้ามพลาดเรื่องนี้ ...หากไม่มี ก็จบข่าว

7. ในห้องพัก มีสถานที่อาบน้ำ ถ้าไม่รีบต้องทำเวลา กรุณาบรรจง ทำความสะอาดให้เรียบร้อย ถ้าให้ดีพก ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ติดตัวมาจากบ้านได้ก็ดี แต่ไม่ต้องเอาน้ำยาล้างจาน กับน้ำยาล้างห้องน้ำมาก็ได้ เอาไว้ใช้ที่บ้าน

8. หากเป็นพวก รักสนุก แต่ไม่ผูกพัน ต้องดูให้ดีนะว่า เครื่องดื่มที่จะดื่มต้องชัวร์ หรืออย่าไปเจอ นมสลบ เรื่องนี้บอกยาก เพราะระดับเทพ ยังร่วงมาแล้ว ทางที่ดีจะไปไหนมาไหน ก็โทรบอกเพื่อนไว้บ้างก็ได้ เวลาพลาดจะได้
เตรียมนามสมมติไว้ใช้ในข่าวได้ถูกต้อง

9. บางคนเขาบอกว่า ฝากกุญแจรถไว้กับพนักงานเลย ติ๊บนิดหน่อย อย่างน้อย จะได้รู้ว่า หากรถหาย จะได้ตามจากพนักงานรับรถ ดีกว่า โดนสอยไปกลางเวหา

10. จะให้ดี ก็ขับรถไกลอีกนิด อย่าใช้บริการที่ใกล้บ้าน หรือที่ทำงานกันเกินไป ตอนเข้าไม่น่ากลัว แต่กลัวเวลากลับ จะมาจ๊ะเอ๋เพื่อนๆ หรือคนรู้จักช่วงทางออก เดี๋ยวจะจำทะเบียนกันได้ ยิ่งพวกชอบถ่ายแล้วโพสต์ อึ๋ยยย อันตราย...

ที่มา : Teenee.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

รัก (หรือชู้) ออนไลน์…เป็นไปได้แค่ไหน?


มิตรภาพสามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างง่ายดายในโลกอินเทอร์เน็ต และอาจเลยเถิดไปจนคุกคามต่อชีวิตคู่ของคุณได้ เรามาดูปรากฏการณ์เรื่องรักในโลกไซเบอร์กันดีกว่า


การสื่อสารออนไลน์เป็นสิ่งแสนวิเศษสำหรับคนจำนวนมาก มันเป็นหนทางที่แสนง่ายดายในการสร้างมิตรภาพ และสามารถทำให้ความสนิทสนมฟูมฟักตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อคุณไม่เห็นคนที่คุณกำลังคุยด้วย และเขาก็ไม่เห็นคุณ คุณก็จะรู้สึกว่าถูกตัดสินน้อยลง คุณทั้งสองจึงมีแนวโน้มที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวต่อกันได้ง่ายกว่า ข้อเสียก็คือเมื่อคุณไม่อาจเห็นหน้าของอีกฝ่ายหนึ่ง มันก็ยากที่จะรู้ว่าพวกเขากำลังโกหกอยู่หรือเปล่า และถ้าคนหนึ่งอยากมีความรักหรือมิตรภาพอย่างมาก พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะฝันเฟื่องไปว่า คนที่กำลังคุยอยู่ด้วยนั้นแสนจะสมบูรณ์แบบ
รักกันออนไลน์ได้หรือเปล่า ถึงแม้เราจะยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า ความรักในโลกไซเบอร์นั้นสามารถทนทานต่อกาลเวลาได้หรือไม่ หากก็เป็นไปได้ที่สัมพันธภาพแบบนี้จะเกิดขึ้นได้และยืนยง จากการสำรวจครั้งหนึ่งของ Joinson.com พบว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของสัมพันธภาพที่เพาะตัวขึ้นทางอินเทอร์เน็ต พัฒนาขึ้นมาเป็นการคบหาที่มีการพบปะกันตัวต่อตัว และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากพอๆ กับความสัมพันธ์แบบอื่นๆบางคนถึงกับอ้างว่า ความจริงแล้วสัมพันธภาพที่สร้างขึ้นทางออนไลน์ มีแนวโน้มที่จะยืนยาวมากกว่าด้วย เพราะทั้งคู่รู้จักกันและกันดีก่อนที่จะผูกมัดกัน ขณะที่ตามปกติแล้ว เรามักจะพบกับคนๆ หนึ่งก่อน จากนั้น จึงค่อยตัดสินใจว่าจะทำความรู้จักกับเขาให้ดีขึ้นต่อไปหรือเปล่า

ออกนอกทาง…ในโลกไซเบอร์  หากการรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ตก็มีด้านมืดของมัน สำหรับผู้ที่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวหรือมีปัญหาในชีวิตคู่ อินเทอร์เน็ตเป็นที่ซึ่งพวกเขาสามารถพบกับคนที่จะฟัง และให้ความสบายใจแก่พวกเขา อินเทอร์เน็ตกลายเป็นทางออกในการเบี่ยงเบนจากเรื่องปวดใจ และจากความวุ่นวายในการแก้ไขปัญหาชีวิตคู่ แต่บ่อยครั้งที่การพบกับคนอื่นออนไลน์ทำให้เรื่องเลวร้ายลง ยิ่งคุณใช้เวลาในการแชท หัวเราะ หรือเล่าเรื่องต่างๆ ให้คนอื่นฟังมากแค่ไหน แทนที่จะคุยกับคู่รักของคุณ คุณก็จะยิ่งรู้สึกห่างเหินจากเขามากขึ้นเท่านั้น และโอกาสที่สัมพันธภาพออนไลน์จะกลายมาเป็นเรื่องชู้สาวก็ยิ่งมากขึ้น บางคนจะพยายามแก้ตัวให้พฤติกรรมของตัวเอง ด้วยการบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องชู้สาวจริงๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องกันว่า ความสนิทสนมของคนสองคนที่ทำลายความไว้วางใจในคู่ชีวิต ถือเป็นการนอกใจทั้งสิ้น และนั่นรวมถึงเรื่องนอกใจทางออนไลน์ด้วยอย่างแน่นอน

รับมือกับการนอกใจออนไลน์  ถ้าคุณเป็นคนที่พบกับคนอื่นทางออนไลน์ คุณต้องตระหนักให้ได้ว่า นั่นไม่อาจแก้ปัญหาในชีวิตคู่ของคุณได้ มันอาจทำให้สบายใจขึ้นได้ในช่วงเวลาเดี๋ยวด๋าว แต่ในท้ายที่สุด คุณก็ต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่ยากเย็นในเรื่องอนาคตของชีวิตคู่คุณ อยู่ดีในอีกทางหนึ่ง ถ้าคุณสงสัยว่าคู่ของคุณกำลังมีเรื่องนอกใจทางออนไลน์ คุณจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมันทันที การพูดถึงปัญหาที่คุณทั้งสองมีต่อกันเป็นขั้นตอนแรกที่จำเป็นอย่างมาก จากนั้น คุณต้องร่วมมือกันสร้างความเปลี่ยนแปลงที่คุณทั้งสองต้องการ ไม่ว่าจะด้วยการพูดคุยกันอย่างเปิดอก หรือการไปปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เพื่อช่วยในการเยียวยา
จำไว้ว่า  โลกไซเบอร์อาจให้ประโยชน์ และความสบายใจได้อย่างมากมาย แต่ในเรื่องของการแก้ปัญหาของชีวิตคู่ มีแต่คุณและเขาเท่านั้นที่จะช่วยกันสะสางมัน เพื่อที่จะก้าวต่อไปด้วยกันได้

ที่มา : Teenee.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับฟันของเรา


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับฟันของเรา

1. ทำไม ฟันบางคนเรียงตัวสวย บางคนเก ?
 เพราะการเรียงตัวของฟันแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็เหมือนกับสีผิว ตา ผม ที่มีกรรมพันธุ์ เป็นตัวกำหนด ซึ่งมีผลต่อขนาด รูปร่างและความสัมพันธ์ระหว่างขากรรไกร



 ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการเรียงตัวของฟัน ได้แก่
  • การที่ขนาดของฟันไม่เหมาะสมกับขนาดของขากรรไกร ขนาดของฟัน อาจใหญ่หรือเล็กเกินไป
  • จำนวนฟันที่มี อาจมีฟันขาดหายไป หรืออาจมีฟันเกิน
  • นิสัยบางอย่างที่มีผลต่อฟัน เช่น การดูดนิ้ว
  • การถอนฟันน้ำนมก่อนเวลาที่สมควร เช่น ถูกถอนจากโรคฟันผุ ทำให้ฟันน้ำนมที่เหลือขยับเข้ามาใน      บริเวณที่ถูกถอนไป ฟันแท้ขึ้นไม่ตรงตำแหน่ง
  • ฟันน้ำนมหลุดช้ากว่ากำหนด ทำให้ฟันแท้ขึ้นตรงตำแหน่งไม่ได้
  • 2. ฟันที่ซ้อนเก จำเป็นต้องเอาออกหรือไม่ ?
     ถ้ามีฟันซ้อนเก แต่ยังสามารถบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ หน้าตาไม่ผิดปกติจนเข้าสังคมไม่ได้ และที่สำคัญสามารถทำความสะอาดได้ดี ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถอนฟัน
     การจัดฟันเป็นการใช้เครื่องมือขยับฟันให้เรียงตัวเป็นระเบียบอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อให้ฟันทำหน้าที่ บดเคี้ยวได้ดี และทำความสะอาดได้ง่าย
    3. ทำไมต้องจัดฟัน ?
     การจัดฟัน นอกจากจัดเพื่อให้ดูสวยงามขึ้นแล้ว บางครั้งจำเป็นต้องจัดฟัน เพื่อปรับปรุง สภาพในช่องปาก ตลอดจนทำให้การทำหน้าที่ของอวัยวะในช่องปากเป็นไปอยางถูกต้อง เช่น การเรียงฟันที่ไม่ดี อาจส่งผลให้เกิดฟันผุ และเหงือกอักเสบ
      บางครั้ง มีความจำเป็นต้องจัดฟัน เพื่อให้การรักษาชนิดอื่นประสบผลสำเร็จมากขึ้น เช่น  การใส่สะพานฟัน การครอบฟัน และการใส่ฟันชนิดถอดได้
    4. ช่วงอายุใด ที่ดีที่สุด ที่จะจัดฟัน ?
     ช่วงอายุที่ดีที่สุดที่จะจัดฟันคือ ก่อนที่ฟันถาวรจะขึ้นครบ หรือเพิ่งขึ้นครบ 28 ซี่ ใหม่ๆ เพราะช่วงนี้สัมพันธ์กับ การเจริญเติบโตของเด็ก การตอบสนองต่อการรักษาด้านจัดฟันสูงสุด ในช่วงอายุนี้ซึ่งปกติ คือ ช่วงระหว่าง 10-14 ปี


     บางครั้ง อาจต้องเริ้มต้นรักษา ตั้งแต่ 7-8 ขวบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กที่ต้องการรักษา  ที่มีผลต่อการทำหน้าที่ของฟัน
     หากมีข้อสงสัย ควรพบทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
    5. การจัดฟันปกติ ใช้เวลานานเท่าไร ?
     ระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับ
  • สภาพที่ต้องการแก้ไข
  • ชนิดของเครื่องมือ เครื่องมือถอดได้ จะใช้เวลานานมากกว่า เครื่องมือติดแน่นเล็กน้อย
  • อายุของคนไข้ ถ้าอายุมาก จะต้องใช้เวลานานมากกว่า คนอายุน้อยเล็กน้อย
  •  เวลาที่ใช้ เฉลี่ยแล้ว ประมาณ 2 ปี อย่างไรก็ตาม การจัดฟันให้ประสบผลสำเร็จนั้น ความร่วมมือ ของคนไขมีความสำคัญ เพราะการให้หมอจัดฟันปรับเครื่องมือตามเวลาที่หมอนัดโดยสม่ำเสมอนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

    ที่มา : โรงพยาบาลสามพราน

    0 ความคิดเห็น
    ป้ายกำกับ:

    10 อาหารสุขภาพ ที่สาวๆ ควรมีติดตู้เย็น


    10 อาหารสุขภาพ ที่สาวๆ ควรมีติดตู้เย็น


    อาหารถือเป็นปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญกับชีวิตเราเป็นอันดับหนึ่ง ยิ่งปัจจุบันคนทั่วโลกหันมาใส่ใจกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น การเลือกทานอาหารที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกายจึงกลายเป็นกระแสที่หลายๆคนทำ โดยเฉพาะในหมู่สาวๆ ที่ต้องดูแลรูปร่างไม่ให้มีไขมันส่วนเกิน ว่าแต่อาหารสุขภาพชนิดใดที่สาวๆ ควรมีติดตู้เย็นบ้าง
    น้ำเปล่า
    ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากมายสำหรับความจำเป็นและคุณประโยชน์ทำให้เราต้องดื่ม น้ำ เพราะ "น้ำ" ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต ช่วยทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นไม่อย่างปกติ ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติและมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น รวมทั้งช่วยให้การขับถ่ายของเสียทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ผิวชุ่มชื่น โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือน้ำอุณหภูมิปกติ เรียกว่าสาวคนใดอยากสุขภาพดีอย่าลืมดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้วนะคะ
    ผัก
    เหมาะมากสำหรับการเป็นอาหารในยุคเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณปลูกพืชผักสวนครัวไว้ทานเอง คุณจะได้ทานผักที่สดและปลอดภัยจากสารพิษ รวมทั้งประหยัดเงินในกระเป๋า ในส่วนของคุณประโยชน์ของผักนั้น "ผัก" ถือเป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ อาทิ วิตามิน เกลือแร่ อยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในผักยังมี "ใยพืช" (Fiber) ซึ่งช่วยกระตุ้นลำใส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร โรคมะเร็งลำไส้
    ไข่ไก่
    หากคุณกำลังหาอาหารไว้ติดตู้เย็นสักชนิดที่ทั้งราคาถูกและมีคุณค่าทางอาหาร เราขอแนะนำ "ไข่ไก่" ค่ะ เพราะในไข่ไก่มีทั้งโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย 9 ชนิด ทั้งยังมีวิตามินกับเกลือแร่อีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ , บี, ดี และ อี ธาตุเหล็ก , สังกะสี, ซีลีเนียม และไอโอดีน ส่วนใครที่เคยเชื่อมาผิดๆ ว่าทานไข่แล้วจะเสี่ยงกับความอ้วนนั้น คุณเข้าใจผิด เพราะโคเลสเตอรอลในไข่แดงมีประมาณ 230 มิลลิกรัมต่อฟอง ซึ่งนับว่าปลอดภัยกว่าการกินเนย แป้ง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ติดมันมาก
    นม
    "นม" ในที่นี้จะเป็นประเภทใดก็ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว นมถั่วเหลือง หรือนมเปรี้ยว เพราะทุกประเภทล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเราต้องอ่านฉลากข้างกล่องหรือขวดให้ดีก่อนจะซื้อมาเก็บไว้ในตู้ เย็นนะคะ เพราะในนมแต่ละยี่ห้อแต่ละสูตรก็จะมีปริมาณน้ำนมและสารปรุงแต่งไม่เท่ากัน สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาในเรื่องระบบย่อยอาหารคุณควรดื่มนมวัวค่ะ เพราะในนมวัวมีแคลเซียมและโปรตีนซึ่งมีความสมบูรณ์ของกรดอะมิโนดีกว่าโปรตีน จากถั่วเหลือง
    เนื้อปลา
    สาวๆยุคใหม่หลายคนมองข้ามการทานเนื้อสัตว์ไปเพราะกลัวอ้วน แต่เราว่าคุณจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่หลังจากที่ทราบคุณประโยชน์ของ "เนื้อปลา" เพราะโปรตีนจากเนื้อปลามีไขมันต่ำ ย่อยง่าย และมีสาอาหาร คือ กรดโอเมก้า 3 ซึ่งมีกรด DHA และกรด EPA โดย DHA จะช่วยบำรุงเซลล์สมอง เซลล์ประสาท และเรตินาในดวงตา ส่วนกรด EPA ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล และลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในร่างกาย จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
    ผลไม้รสเปรี้ยว
    ต้องย้ำไว้ก่อนค่ะว่าเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม , มะม่วง,ฝรั่ง, กีวี่ ,ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพราะผลไม้ประเภทนี้จะมีวิตามินซีสูง (แถมยังปลอดภัยจากความอ้วนกว่าผลไม้รสหวานที่มีน้ำตาลมาก) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของภูมิต้านทานโรค ช่วยลดระดับไขมันที่จะไปพอกพูนเส้นเลือดในร่างกายแล้วทำให้หลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังช่วยควบคุมโคเลสเตอรอล และป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ที่สำคัญวิตามินซีททำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุของการเสื่อมของร่างกายอีกด้วย
    โยเกิร์ต
    เป็นผลิตภัณฑ์จากนมยอดฮิตที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ โดยใน "โยเกิร์ต" มีวิตามิน ได้แก่ วิตามิน เอ, บี1, บี 2, บี3,บี6, บี12, ดี, อี มีกรดที่ช่วยในการดูดซึมโปรตีน แคลเซียมและเหล็กเข้าสู่ร่างกาย ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ช่วยบำรุงผิวพรรณ แต่ก่อนซื้อต้องอ่านฉลากให้ดีก่อนนะคะว่าในโยเกิร์ตรสและยี่ห้อนั้นๆ มีส่วนประกอบและคุณค่าทางอาหารอะไรบ้าง แนะนำว่าโยเกิร์ตธรรมชาติที่มีน้ำตาลน้อยดีที่สุดค่ะ
    แอปเปิ้ล
    คำกล่าวที่ว่า "ถ้ารับประทานแอปเปิ้ลวันละผลแล้วล่ะก็จะไม่ต้องไปหาหมอ" คงเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงนัก เพราะแอปเปิ้ลมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด อาทิ สารเบตาแคโรทีน วิตามินซี นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น อ้อ ถ้าอยากได้คุณค่าเต็มเปี่ยมแนะนำให้ทานแอปเปิ้ลทั้งเปลือกค่ะ เพราะเปลือกของแอปเปิ้ลแดง 1 ผลนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับวิตามินซี 820 มิลลิกรัมทีเดียว
    ถั่ว
    "ถั่ว" ถือเป็นโปรตีนจากพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์เชียว ค่ะ ดังนั้นคนที่อยู่ในช่วงทานเจหรือมังสวิรัติแต่ไม่อยากให้ร่างกายขาดโปรตีน ถั่วจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของคุณค่ะ ที่สำคัญถั่วยังอุดมไปด้วยวิตามินที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของผิวหนัง ผม การควบคุมความดันโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ไขมันไม่อิ่มตัวในถั่วจะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล ใครที่อยากทานอาหารสุขภาพราคาประหยัดต้องไม่พลาดถั่วค่ะ
    ธัญพืช
    มื้อเช้าที่เร่งรีบ ถ้าคุณไม่มีเวลาในการเข้าครัวเพื่อทำกับข้าว การมี "ธัญพืช" จำพวกข้าวโพด , ลูกเดือย ,งา ,ข่าวฟ่าง,เมล็ดทานตะวัน, จมูกข้าว, รำจ้าว (ชนิดที่อบกรอบพร้อมทาน) ติดตู้เย็นไว้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากทั้งยังดีต่อสุขภาพ โดยในธัญพืชจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ต้องใช้เวลาในการย่อย ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำเกิดเป็นโรคเบาหวานตามมาในภายหลัง (ต่างจากแป้งขัดขาวซึ่งน้ำตาลจะถูกย่อยเร็ว) นอกจากนี้ธัญพืชยังเปี่ยมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และไฟเบอร์

    ที่มา : โรงพยาบาลสามพราน

    0 ความคิดเห็น
     
    Health 4 Women © 2012 | Designed by Canvas Art, in collaboration with Business Listings , Radio stations and Corporate Office Headquarters