ป้ายกำกับ:

รอบเอวกับมะเร็ง!






ความอ้วนไม่ได้เป็นเพียงศัตรูร้ายที่ทำลายบุคลิกภาพ แต่ยังส่งผลเรื่องสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะโรคอ้วนลงพุง หรือ Metabolic Syndrome

 ซึ่งผู้ที่เข้าข่ายต้องระวังโรคดังกล่าว คือผู้ชายที่มีรอบเอว 90 ซม.ขึ้นไป และ 80 ซม.ในผู้หญิง ซึ่งไขมันในช่องท้องที่มากเกินเกณฑ์ปกติ จะกระตุ้นให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้ตับไม่สามารถยับยั้งการสร้างกลูโคสได้จึงส่งผลในเรื่องน้ำตาลในเลือดสูงและยังทำให้เกิดกรดไขมันอิสระที่นำไปสู่โรคเบาหวานในที่สุด


ผลการวิจัยพบว่า ผู้ที่เป็นโรคอ้วนลงพุงจะมีโอกาสเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดมากกว่าคนปกติถึง 2-3 เท่าตัว นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยจากอิมพีเรียลคอลเลจในกรุงลอนดอน ที่ออกมาเตือนว่า ทุกๆ 1 นิ้วของรอบเอวที่เพิ่มขึ้น จากเกณฑ์ที่เหมาะสมจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ 3%และยังมีงานวิจัยอีกหลายสถาบันที่บ่งชี้ว่าไขมันส่วนเกินมีผลต่อการเกิดมะเร็งอีกหลายชนิด เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเต้านม ฯลฯ
แม้จะรู้ดีว่าความอ้วนและรอบเอวมีผลต่อสุขภาพ แต่หลายคนก็ยังไม่สามารถเอาชนะความอ้วนได้ อันเนื่องจากอุปสรรคนานัปการไม่ว่าจะเป็นอายุเยอะลดยาก ระบบเผาผลาญไม่ดี ไม่มีเวลา ไม่สะดวกออกกำลังกายเป็นต้น ความจริงการลดความอ้วนต้องเริ่มที่ความตั้งใจ แต่ถ้าลดยากหรือลดไม่ลงจริงๆ นวัตกรรมทางการแพทย์ก็ยังมีให้เลือกสรร ตั้งแต่การดูดไขมันไปจนถึงเทคโนโลยีใหม่ๆเช่น เลเซอร์ คลื่นวิทยุ(Radio Frequency) แสงอินฟราเรด คลื่นอัลตราซาวด์และอีกมากมายให้เลือกตามความเหมาะสม
แต่ก่อนที่จะรู้ว่าควรใช้เครื่องมือตัวใดจึงจะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดควรเริ่มจากการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงการใช้แนวทางใหม่ในการวิเคราะห์สัดส่วนที่นำเอาระบบคอมพิวเตอร์ ST มาใช้เพื่อการวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดและชัดเจนยิ่งขึ้น ระบบ ST นี้จะนำเอาน้ำหนัก ส่วนสูง สัดส่วนต่างๆ มาประมวลผลกับอายุและโครงสร้าง แล้วประเมินผลออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ของมวลน้ำ มวลไขมัน และมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย จากนั้นจึงจัดกรอบรูปร่างและออกแบบโปรแกรมทรีตเมนต์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลภายในเวลา 20-30 นาที
หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนการทำทรีตเมนต์สลับหมุนเวียนกันไปตามโปรแกรมที่ออกแบบเอาไว้ โดยใช้เวลาทำต่อเครื่อง30-60 นาที นอกจากจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรีและสลายไขมันแล้ว ยังช่วยลดอาการบวมน้ำที่เกิดจากการบริโภคโซเดียมมากเกินไป หรือฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่นภาวะหลังคลอด รวมถึงช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับไม่ผอมเผละหรือมีเนื้อส่วนเกินห้อยต่องแต่งอีกด้วย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากมีตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพแล้วผลลัพธ์ยังขึ้นอยู่กับวินัยของผู้เข้ารับการรักษาเป็นสำคัญ ดังนั้นเมื่อศึกษาข้อมูลจนมั่นใจแล้วจึงควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงทำทรีตเมนต์อย่างสม่ำเสมอ 
ก็จะช่วยให้มีรูปร่างและน้ำหนักที่เหมาะสม มีสุขภาพดี ลดอัตราการเกิดโรคหลายชนิดอีกด้วย  



ที่มา : TeeNee.com 

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

แอปเปิ้ล...ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก

การจำกัดปริมาณอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักนั้น เป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิง เพราะไหนจะต้องทนต่อความหิวจนกว่าจะผอม แต่พอผอมสมใจกลับโดนทักว่าทำไมดูซีดเซียว ไม่สดชื่น อวบอั๋นเหมือนตอนก่อนลดน้ำหนัก

     การรับประทานผลไม้จึงเป็นวิธีหนึ่ง ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งการลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพที่สดใส เพราะผลไม้ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร (Fiber) ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องมีน้ำตาลธรรมชาติที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว และนำไปใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ ผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกนับไม่ถ้วน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไม่ทรุดโทรม จึงเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นที่สุด

                                                          

     เมื่อถามคนใกล้ตัวว่า "อยากลดน้ำหนักจะทานผลไม้อะไรดี?" เชื่อว่าคงได้คำตอบกว่าครึ่งเป็นผลไม้รูปร่างอวบอัดที่ชื่อว่า "แอปเปิ้ล" แน่ ๆ เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีสีสันชวนรับประทาน เนื้อสัมผัสกรอบ รสชาติอร่อย กลิ่นหอม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หาทานได้ง่าย ราคาไม่แพง และที่สำคัญคือไม่ทำให้อ้วน แอปเปิ้ลจึงได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก"

   กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง

     แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด

      พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน

      เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า "เพคติน" ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง

       นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ

  
  แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลแดง ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน
       เมื่อวิเคราะห์จากคุณค่าสารอาหารต่าง ๆ เปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แอปเปิ้ลแดงมีเหนือกว่าเล็กน้อยคือ ปริมาณของสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์นั่นเอง

   ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ก็ได้ประโยชน์เท่ากินทั้งลูก?

       จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะพบว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลมาจากองค์ประกอบ 3 ตัวด้วยกันคือ จากเส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากบริเวณเปลือก และจากน้ำตาลฟรักโทสที่มีมากในเนื้อแอปเปิ้ล ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำแอปเปิ้ล ควรเลือกวิธีการปั่นทั้งผล โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะหากใช้วิธีคั้นน้ำ จะทำให้ได้เฉพาะน้ำตาลและสารต้านอนุมูลอิสระอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้อ้วนได้มากกว่าเดิม และไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากแอปเปิ้ลอย่างครบถ้วน

   กินแอปเปิ้ลอย่างไรให้ได้ประโยชน์

      ในแง่โภชนาการ แอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ที่มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนัก เมื่อเทียบกับกล้วย ฝรั่งหรือส้ม แต่หากทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4 ลูก โดยไม่ปอกเปลือกก็จะได้รับเส้นใยอาหารและสารอาหารต่าง ๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ

     
  ในปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และฆ่าเชื้อไวรัส ซึ่งหากต้องการจะรับประทานแอปเปิ้ลสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมน้ำหนัก แล้ว ก็ควรต้องทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และผักผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย


ที่มา : oknation.net

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

วิธีลดน่อง วิธีลดต้นขา ขาอ่อนเรียว

วิธีลดน่อง

1. วิ่งโหย่งๆ หรือวิ่งด้วยปลายเท้า โดยที่ส้นไม่ต้องสัมผัสพื้น 5 นาที
2. วิ่งยาวๆ ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้ายาวๆ ย่อเข่าเล็กน้อย และก้าวเท้าซ้ายออกไปลักษณะเดียวกัน วิ่งแบบนี้ขึ้นเนินทำเซ็ตละ 1 นาที 5 ครั้ง
3. วิ่งยกเข่า วิ่งด้วยปลายเท้าและยกเข่าให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เซ็ตละ 30 วินาที 5 เซ็ต
4. เตะเท้าไปที่ก้น เหมือนการวิ่งเหยาะๆ แต่ให้เตะเท้าไปที่ก้น เซ็ตละ 30 วินาที 5 เซ็ต


 
วิธีลดต้นขา 
 
 
 
        ให้นอนหงานราบกับพื้นเเละให้เหยียดขาทั้งสองข้างให้ตรงและตึงและค่อยๆยกขึ้นในกลางอากาศ
นับ 15-30 ทำประมาณ 3ครั้ง จากนั้น ให้ลองมาปั่นจักรยานกลางอากาศประมาณ 200 ครั้ง
รับรองได้เลยว่าต้นขาลดลงแน่ แต่ต้องทำเป็นประจำทุกวันนะเพื่อให้เห็นผลเร็วขึ้น

 
กระชับบั้นท้าย

 
 

ยืนแยกขาห่างเท่าความกว้างของช่วงสะโพก นิ้วเท้าชี้ไปข้างหน้า วางมือไว้ที่สะโพก
1. ขณะหายใจออก ค่อยๆงอเข่าให้มากที่สุด แต่อย่าต่ำเกิน 90 องศา ส่วนต้นขาขนานกับพื้น เหยียดแขนไปข้างหน้า
2. คุณควรทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้า และก็สามารถขยับนิ้วเท้าได้สะดวก แขม่วพุง หย่อนก้นลงหลังจะได้ไม่ตึง ค้างไว้ 30 วินาที ขณะหายใจออก แล้วดันตัวขึ้นสู่ท่าเริ่มตอนหายใจเข้า จากนั้นก็พักทำวันละห้าครั้ง แล้วจะเห็นผลภายในหนึ่งเดือน


 
ขาอ่อนเรียว


      เตรียมตัวให้ดีสำหรับท่านี้ ซึ่งจะออกกำลังขาอ่อนด้านในและนอกสุดๆ
วิธีทำ ยืนตรงแยกขา มือเท้าสะเอว ย่อเข่าขวาลงแล้วก้าวเท้าออกมาข้างหน้ากระทั่งขาอ่อนขวาขนานกับพื้น อย่าให้เข่ายื่นเลยข้อเท้าขวา ค่อยๆรั้งเท้าซ้ายกลับกดแนบพื้นเพื่อสร้างแรงต้านกระทั่งเท้ามาคู่กันและ กลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำกับขาซ้าย ทำข้างละ 15-20 ครั้ง
 
 

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

เคล็ดลับควบคุมความอยากอาหาร..สำหรับคนช่างกิน

 


ถ้าหากคุณเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “คนช่างกิน” “กินไม่เลือก” ตลอดไปจนถึง มีความสุข กับการกินอย่างไม่รู้จบ วันนี้เรามีเคล็ดลับ ควบคุมความอยาก อาหาร มาฝากกัน
ข้อมูลจากฮาร์วาร์ด เมดิคอล อินเตอร์ เนชั่นแนล แจ้งว่า คนที่รู้ตัวว่าเป็นคนเจริญ อาหาร ต้องรู้จักควบคุม ความอยาก อาหารของ ตนเองให้อยู่ในระดับพอดี โดยลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ค่ะ

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com • ช่วงที่กำลังกินอาหารต้องรู้จักชะลอความเร็ว ค่อยๆ กิน ค่อยๆ เคี้ยว เวลาสำหรับกินอาหาร มื้อหนึ่งควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาที การที่เราค่อยๆ กิน ค่อยๆ เคี้ยวช้าๆ จะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าได้กินอาหารไปมากแล้ว

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com • จะกินอาหารได้ต่อเมื่อนั่งลงนิ่งๆเท่านั้น เพราะมันจะช่วยให้เรารู้ว่ากินไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com • ควรแบ่งอาหารใส่ ลงในจานใบเล็ก และก่อนกินอาหารควรดื่มน้ำสักหนึ่งแก้วเล็ก

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com • ระหว่างมื้ออาหาร ถ้าอยากกินของ ขบเคี้ยว ควรอดใจรอไว้ก่อนสัก 10 นาที เพราะระหว่าง ที่รอนั้นจะช่วยให้เรารู้สึกได้ ว่าที่จริงก็ยังไม่ได้หิวเท่าไรหรอก

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com • อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผักและผลไม้ ควรนำมาจัดไว้ด้านหน้าตู้เย็น ในที่ที่หยิบสะดวก

เคล็ดลับ 5 ข้อที่ว่ามาดูแล้วก็ไม่น่าจะยากเท่าไร ลองเริ่มสักวันละข้อสองข้อ อาจได้ผลที่น่าพอใจ ขึ้นก็ได้ ใครจะรู้..



ที่มา : ไทยรัฐ





0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

หุ่นดีได้ทุกที่ทุกเวลา


         ถ้าวันนี้เราอยากจะเริ่มออกกำลังกาย เราก็จะนึกถึง สถานที่ออกกำลังกาย ที่มีอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกาย สิ่งอำนวยความสะดวก นั้นก็คือ ฟิตเนส นั้นเอง ทั้งสภาพแวดบรรยายกาศเหมือนถูกกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามาใช้บริการมาออกกำลังกาย กันอย่างหนาแน่น แต่ในบางครั้งช่วงเวลาในการออกกำลังกายชีวิตคนในเมืองก็จะเข้ามาใช้บริการที่ฟิตเนสในเวลาที่ไล่เลี่ยกันคือหลังเลิกงาน จึงทำให้ฟิตเนสกลายเป็นเหมือนชุมชนแออัดก็ไม่ปาน
ทุกคนล้วนมีความต้องการอยากออกกำลังกาย อยากดูแลรูปร่างของตนเองให้ร่างกายแข็งแรง ต้องการออกกำลังให้หุ่นดีอยู่ อยากสนุกกับการออกกำลัง แต่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ที่ต้องการได้ทันทีเพราะผู้คนยืนรอต่อคิวออกกำลัง เมื่อออกกำลังก็ไม่มีความสุข และไม่เป็นส่วนตัว เพราะจะมีคนคอยเข้ามาถามคุณว่าเหลือกี่เซต? ขอสลับกันได้รึเปล่า ท่านผู้รักการออกกำลังกายทั้งหลายต่างก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้ทั้งนั้น
แต่ท่าเราทำให้ฟิตเนส หรือสถานที่ออกกำลังไปอยู่ที่บ้าน ห้องพัก และสถานที่ต่างๆ ตามต้องการได้แล้วล่ะก็ น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง โดยในวันนี้ผมอยากจะแนะนำอุปกรณ์การออกกำลังกายที่มีนวัตกรรมล้ำสมัย สามารถออกได้ทุกส่วน ทุกที่ ทุกเวลา ให้เป็นทางเลือก ในการออกำลังกายของทุกคนกันนะครับ สิ่งนั้นก็คือ "ยางยืดออกกำลังกาย" นั่นเอง
ถ้าเราตัดสินใจอยากจะออกกำลังกับยางยืดแล้ว ต้องรู้หลักการใช้อุปกรณ์กันก่อน คือ การดึง การดัน และการผ่อนแรง ทั้งหมดที่ผมพูดมานี้จะทำให้เกิดแรงต้านทานในเวลาฝึก ทำให้ผู้ฝึกต้องออกแรงควบคุมการเคลื่อนไหว โดยการค่อยๆ ผ่อนแรงอย่างช้าๆ ทำให้ต้องใช้กล้ามเนื้อหลายในเวลาเดียวกัน เหมาะสมกับผู้ต้องการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ผู้ที่อยากลดกระชับสัดสวน และมุมการเคลื่อนไหวของยางยืดนั้นก็เป็นเป็นอิสระ ซึ่งจะช่วยลดการบาดเจ็บในระหว่างการฝึกสามารถช่วยฟื้นฟูผู้ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและข้อต่อได้เป็นดีอีกด้วย
เมื่อเรารู้ถึงหลักการทำงานของมันแล้ว ต่อไปก็เป็นการเลือกยางยืดออกกำลังกาย คือต้องเลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการ เช่น เพื่อสร้างความแข็งแรง เพื่อกระชับสัดส่วน หรือเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย เมื่อเราได้เป้าหมายแล้ว ทีนี้เราก็มาเลือกยางยืดที่เหมาะกัน โดยเลือกยางยืดตามความต้านทาน คือ

1.ยางยืดแบบแรงต้านทานน้อย จะมีแรงต้านอยู่ที่ 3-6 ปอนด์ สีของยางจะเป็นสี เหลือง กับสีชมพู(เหมาะสมกับผู้หญิง และผู้ต้องการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและผู้สูงอายุ)
2.ยางยืดแบบแรงต้านทานปานกลาง จะมีแรงต้านอยู่ที่ 7 ปอนด์ขึ้นไป สีของยางจะเป็นสีเขียว กับสีแดง(เหมาะสมกับผู้ชาย และผู้ต้องการการสร้างความแข็งแรง)
3.ยางยืดแบบแรงต้านทานแบบหนัก จะมีแรงต้านทานอยู่ที่ 15 ปอนด์ขึ้นไป สีของยางจะเป็นสีม่วงกับสีฟ้า(เหมาะสมกับผู้ชาย และผู้ต้องการการสร้างความแข็งแรง)
4.ยางยืดแบบแรงต้านทานแบบหนักมาก จะมีแรงต้านทานอยู่ที่ 20ปอนด์ขึ้นไปสีของยางจะเป็นสีเทากับสีดำ(เหมาะสมกับผู้ชาย และผู้ต้องการการสร้างความแข็งแรง)
5.การเลือกแบบของยางยืด ควรเลือกแบบที่มีด้ามจับเพราะสะดวกและปลอดภัยลดการเกิดการบาดเจ็บและอุบัติเหตุระหว่างการฝึกได้
สำหรับผู้ที่เริ่มออกกำลังกายกับอุปกรณ์นี้เป็นครั้งแรก ควรเริ่มจาการฝึกด้วยยางยืดที่มีแรงต้านทานน้อยๆก่อน เพื่อทดสอบดูความสามารถของตัวเองว่ามีความแข็งแรงของร่างกายเหมาะสมกับแรงต้านในระดับใด และต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของตน ต้องมีการศึกษาให้เข้าใจและต้องเรียนรู้วิธีการฝึกจากผู้มีประสบการณ์ หรือผู้ฝึกสอนมืออาชีพก่อน เพื่อทำให้ประสบความสำเร็จในการออกกำลังกายและบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้

ที่มา : Sanook.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ดื่มน้ำทับทิม ลดไขมันรอบเอวได้




นอกจาก น้ำทับทิม” จะช่วยป้องกันมะเร็ง และเสริมสมรรถภาพทางเพศแล้ว สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ที่มีปัญหาห่วงยางรอบเอว ต้องหาน้ำทับทิมมาดื่มโดยด่วน?เพราะมีผลวิจัยพบว่า น้ำทับทิม สามารถลดพุงน้อย ๆ รอบเอวคุณได้ ว้าว!

 โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก สหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า น้ำทับทิม สามารถไปสลายไขมันที่สะสมอยู่ตามพุงได้ เพราะมีคุณสมบัติลดกรดไขมันในกระแสเลือด?

ข้อเท็จจริงนี้ ได้มาจากการทดลองให้อาสาสมัครทั้งชายและหญิงดื่มน้ำทับทิมขนาด 500 มิลลิเมตรวันละ 1 ขวด ทุกวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ หลังจากนั้น?นักวิทยาศาสตร์ก็พบว่า ในช่องท้องของอาสาสมัครเกือบครึ่งมีการสร้างไขมันน้อยลง และอาสาสมัครมากกว่า 90% ยังมีความดันโลหิตลดลง ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เส้นเลือดสมองแตก และโรคไตก็ลดลงตามไปด้วย

จากผลการทดลองนี้จึงสรุปได้ว่า นอกจาก ”น้ำทับทิม”?จะมีคุณสมบัติลดไขมันรอบเอวได้แล้ว ยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และช่วยลดความดันโลหิตด้วย ถือเป็นผลไม้ที่มหัศจรรย์จริง ๆ เลย



ที่มา : TeeNee.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

กินน้อยแต่น้ำหนักไม่ยอมลด





เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับสาวๆ ที่กำลังไดเอทค่ะ จนบางครั้งอยากจะเลิกไดเอทไปเลยก็มี แต่ก่อนที่เราจะเลิกล้มความตั้งใจลองมาสังเกตตัวเองดีๆ สิค่ะว่าคุณนั้นกินน้อยจริงๆ หรือเปล่า
ไม่ใช่ว่าในมื้ออาหารอาจจะกินน้อย แต่ไปกินจุบกินจิบตลอดทั้งวัน กินแบบนี้แคลอรีก็เพิ่มขึ้นได้เหมือนกันค่ะ แต่ถ้ากินน้อยจริงๆ อาจต้องสังเกตตัวเองเรื่องอื่นด้วย เช่น รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยง่าย อืดอาดยืดยาด อาจเป็นความผิดปกติของการทำงานฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย หรือประจำเดือนมาปกติทุกเดือนไหม เพราะถ้ามาขาดๆ หายๆ หรือหายไปนานโดยที่ไม่ได้ท้อง อาจเป็นความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ
ใครที่กินน้อยแล้วน้ำหนักยังไม่ลงสักที แนะนำให้ไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ เพื่อที่จะได้ตรวจดูความผิดปกติอย่างละเอียด หากเป็นอะไรจะได้รักษากันตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ


รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

3 ผลไม้ควรทานเพื่อหุ่นสวย


สาวๆ ที่กำลังลดความอ้วนทั้งหลาย ลองเปลี่ยนมื้อเย็นจากอาหารจานหลักเป็นผลไม้ดูสิคะซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้น้ำหนักลดแล้วแถมยังได้สุขภาพที่ดีเพราะในผลไม้มีวิตามินต่างๆ มากมาย และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย แต่จะมีผลไม้ชนิดไหนบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ

1. แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลเป็นทางเลือกที่ดีมากในการลดน้ำหนัก เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้เราอิ่มนานแล้วแอปเปิ้ลก็ยังมีสารเพคตินซึ่งช่วยจำกัดปริมาณดูดซึมของเซลล์ร่างกาย ทำให้ไขมันที่ได้รับจากการทานอาหารไปติดอยู่ตามร่างกายน้อยลง และยังมีความสามารถดูดซึมน้ำและอาหารได้ดี ช่วยให้เซลล์ในร่างกายดันไขมันออกมา เพื่อให้เราใช้แทนที่จะเก็บไขมันไว้ติดตัวเป็นห่วงยาง
2. กล้วย กล้วยก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน เพราะในกล้วยนั้นจะมีไฟเบอร์สูง ซึ่งไฟเบอร์เป็นสารอาหารหลักที่ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย แถมยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีคุณค่ากับร่างกายมากมาย เช่น เหล็กช่วยเรื่องของเลือด เห็นไหมว่าแค่อิ่มท้องโดยไม่อ้วนไม่พอ ยังช่วยให้ขับถ่ายสะดวกอีกต่างหาก
3. แก้วมังกร แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะในแก้วมังกรมีใยอาหารที่สูงมาก และใยอาหารนี่แหละที่มีคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งไม่ให้เซลล์ดูดซึมไขมันอย่างปกติ แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดอีกต่างหาก รสชาติก็ยังอร่อย ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียวแถมช่วยระบบขับถ่ายด้วยค่ะ
เห็นไหมค่ะแค่ผลไม้บ้านๆ ที่เห็นกันทั่วไปในบ้านเรา ก็มีประโยชน์มากมายเหลือเกิน รู้แล้วก็อย่าลืมหามาทานกันเป็นประจำนะคะ

ที่มา : TeeNee.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

โรคที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน




ใครที่อ้วนต้องลดน้ำหนัก กันได้แล้วเพราะหลากหลายๆโรคกำลังถามหา วันนี้ศูนย์ลดน้ำหนักของเราจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่กับความอ้วนเพื่อเตือนใจหลายๆ ท่านให้เริ่มลดความอ้วน ลดขา ลดหน้าท้องกันได้แล้ว ไม่งั้นคุณจะทรมานอย่างมากในภายภาคหน้า เอาเป็นว่ามาดูกันเลย

โรคเบาหวาน

คนอ้วนมีสถิติเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนปกติถึง 5 เท่า เพราะ เมื่อร่างกายมีไขมันมากขึ้น อินซูลินจะทำงานด้อยลงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จนกลายเป็นเบาหวาน

โรคความดันโลหิตสูง

คนอ้วนมีสถิติเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติถึง 3.5 เท่า เพราะเมื่อร่างกายมีไขมันสะสมมากขึ้น หัวใจต้องส่งเลือดออกไปเลี้ยงตามส่วนต่างๆ มากขึ้น ทำให้ความดันภายในหลอดเลือดสูงขึ้น

โรคหัวใจ

คนอ้วนมีสถิติเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนปกติ ถึง 2 เท่า เพราะเมื่อร่างกายมีไขมันสะสมมากขึ้น หัวใจต้องส่งเลือดออกไปเลี้ยงตามส่วนต่างๆ มากขึ้น ทำให้หัวใจมีขนาดใหญ่ขึ้น

โรคเก๊าท์ (อาการ URATEMIA)

คนอ้วนมีสถิติเป็นโรคเก๊าท์มากกว่าคนปกติถึง 3 เท่า ถ้าเรากินมากไปดื่มมากไป จะทำให้ปริมาณกรดยูริก (ของเสียที่ขับออกจากนิวเคลียสของเซลล์) ในเลือดสูง ทำให้เกิดการตกผลึกจับอยู่ตามไขข้อ มีอาการปวดทรมาน

โรคหลอดเลือดแข็งตัว

โรคที่เกิดง่ายที่สุดสำหรับคนอ้วนคือ โรคที่เกิดจากอาการหลอดเลือดแข็งตัว อันเป็นผลนำไปสู่โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองแข็งตัว โรคความดันโลหัตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมองแข็งตัว อาจมีอาการเลือดออกในสมองหรือสมองขาดเลือด ส่งให้ผลเป็นอัมพาตได้ หุ่นสวย หน้าใส ไร้สิว ด้วยผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก

โรคไขมันในตับ

ตับเปรียบเหมือนโรงงานเคมี ทำหน้าที่สันดาปและเป็นศูนย์กลางรับส่งสารต่างๆในร่างกาย หากร่างกายมีไขมันมาก ตับก็จะได้รับไขมันมากด้วย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้นานๆ ตับจะเสื่อมได้

โรคนิ่ว

โรคนิ่วเกิดจากคลอเรสเตอรอลแข็งตัวจับกันเป็นก้อนนิ่ว อันมีผลมาจากร่างกายมีไขมันในเส้นเลือด (คลอเรสเตอรอล) สูง

โรคหลอดอาหารอักเสบ

คนอ้วนจะมีไขมันที่หน้าท้องมาก และไขมันที่หน้าท้องนี้จะกดกระเพาะอาหาร ทำให้ภายในกระเพาะอาหารมีแรงดันสูงขึ้น น้ำย่อยจึงไหลย้อนกลับขึ้นไปที่หลอดอาหาร ส่งผลให้ผนังภายในหลอดอาหารถูกทำลาย มีอาการเรอเหม็นเปรี้ยว มีอาการปวด เป็นต้น

โรคนอนกรน

อาการนอนกรน คือ อาการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ขณะหลับ ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากการมีไขมันจับอยู่ภายในหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบและเกิดแรงดัน ส่งผลให้หายใจติดขัด หากเป็นเช่นนี้บ่อยๆ และนานๆ อาจทำให้เสียชีวิตกะทันหันได้

อาการไขข้อเสื่อมและปวดบั้นเอว

คนอ้วนจะมีน้ำหนักตัวมาก ทำให้บั้นเอวและข้อต่างๆโดยเฉพาะหัวเข่าต้องแบกรับน้ำหนักตัวที่มากเกินไป อยู่ตลอดเวลา ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเอวอักเสบ มีอาการเจ็บปวด และข้อเข่าเสื่อม

ฮอร์โมนเพศผิดปกติ

ฮอร์โมนเพศละลายในไขมันได้ง่าย จึงพบว่า คนอ้วนมักมีฮอร์โมนเพศไม่สมดุล ส่งผลเสียต่างๆ เช่น เพศชาย จะเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก เพศหญิง ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือขาดหาย เป็นหมัน มะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม เป็นต้น 

ที่มา : xn--12c1boba5cvav6a2di2f7klbt.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

แขม่วท้องช่วยลดพุงได้ (Woman s Story)



       เวลาที่หิวจัด หลายคนมักจะลืมตัวกิน กิน กินแล้วก็กิน อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะถ้ามีงานปาร์ตี้ด้วยแล้ว ก็จะกระหน่ำกินกันให้คุ้มไปเลย แต่พอกินอิ่มนี่สิ เจ้าพุงน้อย ๆ มันดันยื่นออกมา จนความมั่นใจหายไปเลย

วิธีที่มักใช้อำพรางพุงที่หลาย ๆ คนใช้ก็คงไม่พ้นการแขม่วท้องเอาไว้ เวลาที่อยู่ต่อหน้าคนจำนวนมาก ๆ...แล้วการแขม่วท้องมันช่วยลดพุงได้จริงหรือ เราไปติดตามกันค่ะ

การแขม่วท้องนั้นสามารถช่วยลดพุงได้ เพราะเป็นการออกกำลังกายอย่างง่าย ๆ และสามารถทำได้ตลอดเวลา การแขม่วนั้นเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้ร่างกายได้ใช้พลังงานตลอดเวลา ไม่มีการสะสมของไขมัน ช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น

อีกทั้งการแขม่วท้องยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดี แก้ปัญหาท้องผูก ทำให้ขับถ่ายสะดวก รู้สึกสบายท้อง และการแขม่วท้องคล้ายกับการฝึกทำสมาธิ อานาปานสติ กำหนดลมหายใจเข้า- ออก ยุบหนอ พองหนอ รู้สึกที่ท้อง ท้องเป็นจุดรวมของความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ทำให้เกิดปัญญา

นอกจากนั้นแล้ว การแขม่วท้องยังเป็นการทำให้เรา ได้ตระหนักถึงพุงที่ยื่นออกมามากกว่าปกติ เป็นการเตือนให้เราระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ

ได้เห็นประโยชน์ของการแขม่วท้องกันแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลามาบริหารกล้ามท้องแล้ว มาแขม่วท้องลดพุงกันดีกว่าค่ะ เพื่อสุขภาพ และรูปร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม...

ที่มา : xn--12c1boba5cvav6a2di2f7klbt.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ลดหุ่นให้เข้าที่ ด้วย 35 วิธีลดความอ้วน (ตอนที่ 1)


          อยากลดหุ่นให้เข้าที่ หรือ? ง่าย ๆ เลยค่ะ ลองเลือกทำตามวิธีลดความอ้วน ที่กระปุกดอทคอมนำฝากในวันนี้ ดูสิว่า วิธีไหนเหมาะสมกับคุณบ้าง หรือจะเลือกใช้ทุกวิธี เอาให้ผอมทันใจก็ย่อมได้ รับรองว่าดีต่อสุขภาพค่ะ

1.รับประทานผัก-ผลไม้มาก ๆ

          อย่าละเลยการรับประทานผัก-ผลไม้เด็ดขาดค่ะ เพราะผักผลไม้มีทั้งเส้นใย และสารอาหารต่าง ๆ ที่ดีกับคุณสาว ๆ แถมทานมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนด้วย

2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารทอด ๆ และติดมัน

          อาหารทอด ๆ มาพร้อมกับน้ำมันที่จะมาทำให้คุณอวบอั๋นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับอาหารเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น กุนเชียง หมูสามชั้นทอดกรอบ หนังไก่ กากหมู ถ้าไม่อยากอ้วน อดใจไว้ค่ะ

3.ทานดาร์กช็อกโกแลต

          ใช่ค่ะ คุณหูไม่ฝาด เรากำลังแนะนำให้คุณทานช็อกโกแลต แต่ไม่ใช่ว่าช็อกโกแลตทั่ว ๆ ไปก็ทานได้หรอกนะคะ ต้องเป็นดาร์ก ช็อกโกแลตเท่านั้น ถึงจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ และเป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณสาว ๆ

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

          แทบจะทุกบทความ ที่แนะนำให้คุณดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-12 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จึงช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินให้คุณด้วย ซ้ำยังช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้นด้วย หากคุณดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าชะแว้บ! ไปมอง "น้ำอัดลม" หรือ "น้ำผลไม้" เชียว ยกเว้น "น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง" ที่เราแนะนำให้คุณดื่มได้

5.ดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วหลังตื่นนอน

          จำ และทำให้เป็นนิสัย เพราะการดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว ทันทีหลังจากที่คุณเพิ่งตื่นนอน จะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทั้งหนักทั้งเบา ทำงานได้อย่างคล่องตัว

6.ทานอาหารเช้า

          จำได้ไหมว่า อาหารเช้าคืออาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณสาว ๆ พลาดอาหารเช้าในช่วงเวลา 6.00-10.00 น.ไปล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกหิวในมื้อต่อ ๆ ไปมากขึ้น ทีนี้ล่ะ คุณอาจจะเผลอตัวเผลอใจสวาปามอาหารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ยั้ง แล้วจะลดน้ำหนักได้อย่างไรล่ะจ๊ะ

7.กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

          การไดเอท ไม่ได้สำคัญที่ว่าคุณทานอะไรเข้าไป แต่สำคัญที่ว่า ทำไมคุณถึงทานเข้าไปต่างหาก ฉะนั้นแล้ว หากใครชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เพียงเพื่ออยากทานสิ่งนั้น จงเปลี่ยนพฤติกรรมด่วนค่ะ ทานให้แต่พออิ่มจะดีกว่า และควรทานเมื่อเวลาที่หิวจริง ๆ

ที่มา :kapook.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ผอมเพรียว ลดความอ้วนได้ในที่ทำงาน


    ชาวสวีเดนแนะนำวิธีใหม่ในการมีสุขภาพดีใน ที่ทำงานด้วยการกระตุ้นให้พนักงานยืนยืดเหยียดตัวตรงที่โต๊ะทำงาน เพราะอะไรเหรอ?
      ก็ เพื่อเป็นการปฏิวัติให้มนุษย์ได้ยืนบนสองขาน่ะสิ เนื่องจากการนั่งโต๊ะทำงานตลอดวันในท่าไม่เป็นธรรมชาติอาจก่อปัญหาสุขภาพได้ รวมถึงความโกรธ ซึมเศร้า ปวดหลัง และน้ำหนักเกิดพิกัด 

   แม้เทรนด์นี้ยังไม่ฮิตในที่ทำงานอังกฤษ แต่มาร์ค พาวเนลจาก NHS Choices แนะว่าให้นำแรงบันดาลใจมาใช้ด้วยการพยายามยืนประชุมกัน และหมั่นเดินไปมาในที่ทำงาน หรือเดินขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์ ถ้า คุณเป็นคนที่นั่งโต๊ะประจำ ขอแนะนำให้นั่งท่าที่ถูกต้องหน้าคอมพิวเตอร์ เท้าแตะพื้นและขาทำมุมเก้าสิบองศา สิ่งสำคัญคือหมั่นหยุดพักลุกจากโต๊ะไปเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายบ้าง ซึ่งจะช่วยปกป้องตั้งแต่อาการปวดหัวไปถึงปวดหลัง

     
ใช่ แต่จะได้ประโยชน์กับสุขภาพสถานเดียวซะที่ไหนกัน รอบเอวคุณก็ได้ผลพวงไปด้วย การศึกษาใหม่จากมหาวิทยาลัยแมสสาชูเซ็ทในอเมริกาพบว่าการนั่งเป็นเวลานานๆ จะทำให้รู้สึกอิ่มท้องน้อยลง ดร.แบรี บราว นักค้นคว้าบอกว่าทางแก้ไขคือการออกกำลังกายเบาๆ ช่วยกระตุ้นผลพวงความอยากอาหารได้ ไปเดินเล่นหลังอาหารกลางวันจัดเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้คุณฟิตแล้วยังจ่าย โลหิตไปยังสมอง ช่วยให้มีสมาธิดีมากขึ้นในตอนบ่ายอีกด้วย


ที่มา : meeshapeclub.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ลดความอ้วน ด้วย "น้ำ"


        การดื่มน้ำนั้นมีส่วนสำคัญในการช่วยรักษารูปร่างให้สวยงามอยู่เสมอ เพราะน้ำนั้นจะช่วยระงับความอยากอาหาร และไปช่วยในการเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายอีกด้วย
     จากรายงานการวิจัยยังพบว่า การดื่มน้ำน้อยนั้นเป็นสาเหตุทำให้เกิดการสะสมไขมันใน ร่างกายที่มากขึ้น เพราะไตจะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ถ้าหากเราขาดน้ำ ซึ่งส่งผลไปยังตับที่จะต้องทำงานหนักขึ้น ทั้งๆ ที่ตับมีหน้าที่หลักคือ เร่งการเผาผลาญของไขมันให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน แต่เมื่อตับต้องมาทำหน้าที่แทนไต ก็ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่หลักได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้น้อยลง ส่งผลไปถึงปริมาณไขมันในร่างกายที่ได้รับการสะสมจนมากขึ้น นี่เองที่ทำให้การควบคุมรูปร่างหยุดชะงัก
     ดังนั้นควรหันมาดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอกันดีกว่า ไตและตับจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองกันอย่างเต็มที่แล้ว ไขมันที่สะสมไว้ในในร่างกายก็จะได้รับการเผาผลาญให้ลดลงตามปกติ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็รับรองได้ว่า ทรวดทรงองค์เอวของคุณจะดูดีอย่างถาวร


ที่มา : meeshapclub.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ข้อห้าม เมื่อคิดจะลดความอ้วน

 
 ห้ามอด : การที่คุณอดอาหารไปบางมื้อ จะทำให้ระบบ การเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำงานได้ช้าลง ยิ่งทำให้อัตราการเผาผลาญไขมัน ทำได้น้อยลงตามไปด้วย
  ห้ามผัดวันประกันพรุ่ง : ถ้าอยากหุ่นดี ก็ควรเริ่มลงมือทันที แต่ก็ไม่ต้องถึงกับยอมหักดิบ ค่อยเป็นค่อยไป และไม่ควรใจอ่อนกับตัวเอง

  ห้ามใจร้อน : การที่จะลดน้ำหนักส่วนเกินลง ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน ลองให้เวลามากขึ้นอีกหน่อย อาจจะ 2 เดือน หรือ3 เดือน หากคุณไม่ถอดใจไปเสียก่อน

  ห้ามขี้เกียจ : ถ้าอยากผอมจริง ๆ ก็ต้องขยันขยับตัว ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องออกแรง เรียกเหงื่อหลาย ๆ หยดหน่อย

  ห้ามแตะน้ำอัดลม : เครื่องดื่มชนิดนี้ หนักแคลอรี่อย่าบอกใครเชียว หันมาดื่มน้ำเปล่าแทนจะดีกว่า ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดีไม่แพ้กัน

  ห้ามคลายเครียดด้วยการกิน : การหันหน้าพึ่งพาขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน หรือไอศกรีม ซึ่งอาจช่วยบำบัดอารมณ์ได้เพียงชั่ววูบ แต่ก็ทำให้คุณอ้วนแบบไม่รู้ตัว

  ห้ามตามใจปาก : ถ้าอยากคุมน้ำหนักตัวให้อยู่หมัดจริงๆ อย่าได้เผลอตามใจปากบ่อยนัก ควรคิดก่อนกินเสมอ

ที่มา : meeshapeclub.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ทำอย่างไร..ถ้าไม่อยากกินมื้อดึก

 

มื้อดึกเป็นมื้อที่ไม่มีความจำเป็นกับร่างกายเลย แต่สำหรับสาวๆ ที่ลดความอ้วนมาทั้งวัน มันเป็นมื้อที่ห้ามใจได้ยากเย็นแสนเข็นที่สุด แต่ถ้าทำตามวิธีนี้ มื้อดึกวันไหนๆ ก็ทำอะไรไม่ได้

1. หยุดตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ไม่มีการเริ่มต้นก็ไม่มีการสานต่อ ลองเอากระดาษกับปากกามาจดดูซิว่าอะไรบ้างที่ทำให้คุณอยากกินในตอนกลางคืน เช่น เห็นโฆษณาอาหารในทีวี การไม่มีอะไรจะทำ หรือการนอนไม่หลับ จากนั้นก็หาทางแก้ปัญหาเป็นเปลาะๆ ไป อย่างพอเห็นโฆษณาก็รีบเปลี่ยน นั่งฟังเพลงแทนการดูทีวี หรือนั่งสมาธิจะได้นอนหลับสนิท

2. ฆ่าความอยากอาหาร วิธีกำจัดความอยากอาหารที่ง่ายที่สุดคือให้ทำตัวกระปรี้กระเปร่าเข้าไว้ เพราะเวลาที่เรากินอาหารสมองจะหลั่งสารโดพามินออกมา ทำให้เกิดความพอใจในการกิน ก็เลยกินเกินขนาดหรืออยากกินอยู่เรื่อยๆ แต่การออกกำลังจะทำให้สารโดพามินหมดไป จึงไม่นึกอยากกินอะไร ในตอนกลางคืนสาวๆ อาจจะไม่ต้องลุกขึ้นมาออกกำลัง แค่เดินไปเดินมาทำตัวให้กระฉับกระเฉงเข้าไว้ก็ช่วยกำจัดความอยากได้แล้ว

3. กินของโปรดซะบ้าง หลักการไดเอทที่ถูกต้องคือต้องไม่โหดกับตัวเองมากเกินไป ควรจะปล่อยให้ตัวเองได้ทานของโปรดบ้างประมาณอาทิตย์ละครั้ง จะช่วยให้ความอยากกินลดลงไปได้ แต่ถ้าทำตัวอดอยากปากแห้งมากๆ ตอนกลางคืนนี่ล่ะจะเป็นเวลาที่คุณห้ามใจไม่ไหวจนต้องโทร.สั่งพิซซ่ามาส่งถึง บ้าน

4. เตรียมตัวช่วยเอาไว้ ถ้าสู้มาทุกทางความอยากกินมื้อดึกก็ยังไม่ยอมแพ้ งั้นก็ต้องตุนอาหารที่ไม่ทำให้อ้วนเอาไว้เป็นผู้ช่วย เช่น โยเกิร์ตไขมันต่ำ ถั่วต้ม แอปเปิ้ล สลัดผัก อย่างนี้ถึงจะมีอะไรเคี้ยว แต่ร่างกายก็ไม่มีไขมันเข้าไปกวนใจ



ที่มา : sanook.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

5 ไอเดียอาหารเช้า ช่วงลดน้ำหนัก





          อยาก ผอม ต้องการลดน้ำหนัก อย่าคิดพึ่งวิธีการอดอาหารเชียวนะ บางคนอาจทรมานตัวเองด้วยการอดมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น แต่มื้อที่คุณขาดไม่ได้เลยนั้นคือมื้อเช้า และนี่คือรายการอาหารเช้าที่ช่วยคุณได้ในช่วงลดน้ำหนัก

1.ข้าวโอ๊ต

          เป็นหนึ่งในเมนูแนะนำของมื้อเช้าเลย เหมาะกับคนทุกวัยและทุกรูปร่าง เป็นตัวช่วยสำคัญในการทำความสะอาดระบบการย่อยในทางเดินอาหาร เรียกได้ว่าเคลียร์พื้นที่ในลำไส้นั่นแหละ ช่วยลดปริมาณระดับคอเลสเตอรอลที่ร่างกายจะได้รับเข้ามา ข้าวโอ๊ตหนึ่งถ้วยใส่นม หรือเติมช็อกโกแลตด้วยเล็กน้อยก็พอช่วยให้คุณอิ่มท้องได้แล้ว คาร์โบไฮเดรตในข้าวโอ๊ตช่วยเติมพลังให้คุณได้โดยที่ไม่มีแคลอรีสูงด้วย
 2.ผลไม้สด

          เริ่มต้นเช้าวันใหม่ เติมความสดชื่นด้วยผลไม้สด ๆ ชุ่มฉ่ำ เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกายและขจัดสารพิษตกค้าง องุ่นสักพวง แอปเปิ้ลสักลูก หรือกีวีฝาน ช่วยให้ทั้งพลังงานและเติมความสดชื่น กินคู่กับนมหรือกาแฟสักแก้ว ก็จะได้สุดยอดอาหารเช้าไดเอ็ตแล้ว
 3.ซีเรียลกับนม

          สองคู่หูแสนอร่อย โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ คอร์นเฟล็กซ์กับนมอย่างง่าย ๆ นี้ให้พลังงานกับร่างกายคุณได้แน่นอน โดยไม่เพิ่มไขมันที่คุณย่อมไม่ต้องการ อาจเติมผลไม้ลงไปสักหน่อย เช่น พีช เบอร์รี่ หรือแอปเปิ้ล เป็นอาหารเช้าอย่างง่าย ๆ ที่ดีต่อการไดเอ็ตอย่างมาก
 4.สลัดผัก

          เหมาะกับช่วงหน้าร้อนอาจเป็นเมนูที่น่าเบื่อสำหรับบางคน แต่ก็ไร้ไขมันส่วนเกินนะ กินคู่กับผลไม้และนมสักหน่อยก็ช่วยให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉงได้ การกินผักสดตั้งแต่หัววันเป็นเรื่องดีมาก เพราะเป็นการเปิดทางให้ระบบย่อยอาหารนั้นโล่งสะดวก พร้อมรับอาหารในตลอดทั้งวันที่เหลือ
 5.มิลค์เชค

          นม ชา หรือกาแฟปั่นนั้น เหมาะกับคนที่ชอบดื่มพวกชา และกาแฟมาก เพราะให้แคลอรีค่อนข้างสูงพอที่จะเติมพลังให้คุณ แต่ต้องคอยควบคุมน้ำตาล อย่าให้หวานเกินไปล่ะ เพราะจะกลายเป็นเพิ่มน้ำหนักให้คุณได้


ที่มา : kapook.com

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

6 วิธีลดน้ำหนักง่าย ๆ โดยไม่ต้องอดอาหาร


สาว ๆ ที่วางแผนจะลดน้ำหนัก แต่ไม่อยากอดอาหารจะทำอย่างไรดี วันนี้เรามี 6 วิธีลดน้ำหนักง่าย ๆ โดยไม่ต้องสนใจสูตรไดเอทไหน ๆ มาบอกกันด้วย
1.ดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเท่านั้น

          ง่าย ๆ เลยก็คือ เวลาคุณสาว ๆ เข้าร้านอาหาร อย่าสั่งพวกน้ำอัดลม หรือชามะนาวที่สามารถเติมได้ไม่อั้นอย่างเด็ดขาด เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณดื่มมากขึ้น แนะนำให้หันมาดื่มชาสมุนไพร น้ำมะนาว ไดเอท-โซดา จะดีกว่า แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด "น้ำเปล่า" นี่แหละค่ะ ตัวช่วยลดน้ำหนักที่ดีสำหรับสาว ๆ เลย
 

 2.ทานอาหารเช้าให้เป็นนิสัย

          อาหารเช้าคือมื้อสำคัญที่สุดของวัน หากคุณสาว ๆ ไม่ยอมทานอาหารเช้า จะทำให้ตอนบ่าย รวมทั้งตอนกลางคืนคุณจะรู้สึกอยากทานอาหารมากกว่าปกติ นอกจากนี้ การไม่ทานอาหารเช้าแล้วปล่อยให้ท้องว่างเป็นเวลานานก่อนจะถึงมื้อต่อไป จะทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานช้าลงด้วย


          แต่ถ้าตอนเช้าคุณไม่รู้สึกหิว แสดงว่าคุณทานอาหารมื้อดึกในช่วงเวลาที่ใกล้จะเข้านอนแล้ว เพราะฉะนั้นควรจะทานอาหารเย็นให้เร็วขึ้น โดยปกติไม่ควรทานอาหารเย็นเกินหนึ่งทุ่ม เพื่อที่ตอนเช้าคุณจะได้รู้สึกอยากทานอาหาร

3.จิบน้ำทีละน้อย ในระหว่างวัน


          คุณสาว ๆ คงมักจะได้ยินคนพูดกันว่า ให้ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วต่อวัน ร่างกายจะได้ไม่ขาดน้ำ ซึ่งน้ำในที่นี้ไม่ได้หมายถึง "น้ำเปล่า" อย่างเดียว เพราะยังรวมถึงน้ำจากผลไม้สดที่เราทานเข้าไปด้วย

          แต่คุณไม่ควรปล่อยให้เราหิวน้ำเสียก่อนถึงจะดื่มน้ำเสียล่ะ เพราะจริง ๆ แล้วเราควรจิบน้ำทีละน้อย ๆ ในแต่ละวัน แล้วคุณจะแปลกใจว่า มันช่วยให้ความอยากอาหารของร่างกายลดลงได้ด้วย

4.ทานผักผลไม้มาก ๆ


          ทานผลไม้ทั้งเปลือก เช่น แอปเปิ้ล ซึ่งเต็มไปด้วยไฟเบอร์ จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนาน และทานได้น้อยลง และจำไว้ว่า แม้ผักและผลไม้เต็มไปด้วยสารอาหาร แถมยังมีแคลอรีต่ำก็จริง แต่ต้องระวังหากทานผักผลไม้ร่วมกับน้ำสลัดที่มีแคลอรีสูง เนย ชีสซอส หรือทานกับพวกพาสต้าสลัด ครีมสลัด เพราะมันอาจทำให้คุณอ้วนได้ แล้วจะมาอ้างว่า ทานผักผลไม้เยอะแล้วไม่ได้ล่ะ
 

 5.ทานโฮลเกรน

          อาหารจำพวกโฮลเกรนจะช่วยให้คุณอิ่มได้นานกว่าคาร์โบไฮเดรตประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะในตอนเช้า โฮลเกรนเป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งของสาว ๆ เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลเกรน แครกเกอร์โฮลวีท จะช่วยเพิ่มเส้นใยให้ร่างกายของคุณได้ดีเลยล่ะ



 6.พักผ่อนให้เพียงพอ

          รู้ไหมว่า การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้น้ำหนักลงลงได้ด้วย นอกจากนี้ ยังทำให้คุณมีพลังเต็มเปี่ยมที่จะออกกำลังกาย หรือทำงานได้มีประสิทธิภาพ แต่หากคุณไม่มีเวลานอนหลับมากมาย ลองทำวิธีง่าย ๆ เช่น ฝึกการหายใจลึก ๆ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง ฟังเสียงดนตรีที่สงบ ๆ ทุก ๆ วัน จะช่วยให้คุณรู้สึกสบาย และลดความอยากทานอาหารตามอารมณ์ได้มากขึ้น


ที่มา : kapook.com



 

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

ลดน้ำหนักขั้นเทพ ไม่เสียสุขภาพ

หาก ใครที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการลดหน้ำหนักแบบจริงจัง อาจเกิดผลเสียกับร่างกายได้ ถ้าใช้วิธีการลดความอ้วนแบบผิดๆ วิธีที่ดีที่สุดคือต้องเลือกวิธีที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพน้อยที่สุด สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และส่งผลแบบยั่งยืน

ดื่มน้ำเปล่ามากๆ น้ำ ไม่มีแคลอรี ทุกวันที่ตื่นขึ้นมารับวันใหม่ ให้คุณดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วเต็มๆ ก่อนที่คุณจะดื่มกาแฟหรือรับประทานอาหารเช้า และก่อนอาหารทุกมื้อให้ดื่มน้ำหนึ่งแก้ว หลังทานอาหารเสร็จให้ดื่มอีกหนึ่งแก้วเป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณรู้สึก อิ่ม ไม่อยากทานอาหารเพิ่ม ข้อควรระวังคือ อย่าดื่มน้ำหวาน โดยเฉพาะน้ำหวานที่ผสมโซดา และควรงดเครื่องดื่มจำพวกเบียร์ และแอลกอฮอล์ต่างๆ

หากอยากทานผลไม้ ควรเลือกทานมะเขือเทศ หรือแตงโม ซึ่ง เป็นผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 90-95% เลือกทานผลไม้สดแทนน้ำผลไม้หรือผลไม้กระป๋อง ซึ่งมีเส้นใยอาหารน้อย และมีน้ำตาลมาก

บรรดาลูกอมทั้งหลาย ที่ ดูเหมือนไร้พิษสูง เป็นหลุมพรางที่คนส่วนใหญ่นึกไม่ถึง เม็ดเล็กนิดเดียวไม่น่าจะทำให้อ้วนได้ แต่หารู้ไม่ว่าน้ำตาลที่ได้รับจากบรรดาลูกอมเหล่านั้นมากมาย ยกตัวอย่างทอฟฟี่คาราเมล 3 เม็ดให้แคลอรีถึง 115 แคลอรี ทอฟฟี่ช็อกโกแลตไส้ครีม 2-3 เม็ด (ปริมาณ 2 ออนซ์) ให้ 125 แคลอรี ทอฟฟี่นมหรือช็อกโกแลต 1 แท่ง ขนาด 1 ออนซ์ ให้ 145 แคลอรี เวลาเราทานมักจะไม่ทานแค่เม็ดสองเม็ด เราจะอมไปเรื่อยๆ ลูกอมบางชนิดยิ่งเคี้ยวยิ่งมัน เผลอแผล็บเดียวทานหมดห่อไม่รู้ตัว ทำให้ร่างกายสะสมน้ำตาลไว้ในตับและกล้ามเนื้อในรูปของ glycogen โดยสะสมได้ 2,000 กิโลแคลอรี

ทานอาหารเช้า หลังจากตื่นนอนภายในเวลา 1 ชั่วโมง คุณ จะลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น หากร่างกายของคุณเริ่มกระบวนการเผาผลาญอาหารได้เร็ว การทานอาหารเช้าเป็นเสมือนการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับร่างกายที่ทำหน้าที่เผา ผลาญพลังงานที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน มื้อเช้าจึงเป็นมื้อสำคัญ อย่ารอจนรู้สึกหิว

ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบอาหารโปรตีน ให้เลือกทานเนื้อขาวดีกว่าเนื้อแดง เนื้อ ขาวคือ พวกปลา ส่วนเนื้อแดงคือ เนื้อ และหมู ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีไขมันที่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม ในที่นี้รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มาจากเนื้อหมูด้วย เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม เคล็ดลับอีกอย่างคือ ลดเกลือให้น้อยลง เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคอ้วนได้

ดินออกกำลังกาย ถ้า คุณอยากลดน้ำหนักครึ่งถึงหนึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ คุณต้องเดินต่อเนื่องกันอย่างน้อยวันละ 45-60 นาที หรือเคลื่อนไหวโดยใช้เครื่องนับก้าวให้ได้วันละ 12,000-15,000 ก้าว และถ้าคุณเดินเร็วๆ วันละ 1 ชั่วโมงโดยไม่ทานอาหารเพิ่มขึ้นจากเดิม จะทำให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้ 7 กิโลกรัมภายในเวลา 3 เดือน และลดโอกาสเป็นโรคอ้วนได้ร้อยละ 24

(ที่จริงในแต่ละวัน ร่างกายของคนเราก็เผาผลาญพลังงานกว่า 200-300 แคลอรีในช่วงที่เราไม่ได้ทำอะไรเลยอยู่แล้ว)
ที่มา : TeeNee 

0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ:

4 เทคนิค "อาบน้ำ" ลด "หน้าท้อง"


ใครอยากลดหน้าท้องด้วยวิธีง่าย ๆ มาฟังทางนี้เลยนะคะ เพราะเรามีขั้นตอนการอาบน้ำ 4 สเต็ปที่จะช่วยให้คุณโบกมือลาหน้าท้องปลิ้น ๆ ของคุณไปได้เลยมาฝากค่ะ
 
1.ให้เตรียมน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสในอ่างอาบน้ำ
 
2.นั่งคุกเข่าในน้ำในท่ายืดตัวตรงยืดอก ใช้มือแนบที่บริเวณหน้าท้องช้า ๆ แล้วค่อย ๆ ลูบกดเบา ๆ ประมาณ 20 ครั้ง
 
3.ต่อมาให้ใช้มือคลึงบริเวณหน้าท้องโดยวนเป็นวงกลมไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประมาณ 20-30 ครั้ง
 
4.ปรับอุณหภูมิน้ำให้สูงขึ้นเล็กน้อย แล้วนำฝักบัวไปฉีดบริเวณหน้าท้อง
 
เพียงเท่านี้หน้าท้องของคุณก็จะกระชับขึ้น และถ้าอยากให้ได้ผลดียิ่งขึ้นก็ให้ทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายด้วยนะ

ที่มา : TeeNee.com

0 ความคิดเห็น
 
Health 4 Women © 2012 | Designed by Canvas Art, in collaboration with Business Listings , Radio stations and Corporate Office Headquarters